ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 41,563 จุด +228 จุด หรือ +0.55% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,648 จุด +56 จุด หรือ +1.01% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,713 จุด +197 จุด หรือ +1.13% ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาตร์ครั้งใหม่
ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +1.3%, +1.45% และ +1.4% ตามลำดับ สิ้นสุดเดือนสิงหาคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +1.8%, +2.3% และ +0.7% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งถูกกระหน่ำเทขายอย่างรุนแรงในช่วงต้นเดือนสิงหาคม หรือเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม โดยทรุดตกต่ำลึกสุดของเดือนนี้ -5.4%, -7.3% และ -10.7% ตามลำดับ
สาเหตุจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขรายจ่ายส่วนตัวชาวอเมริกันเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งตรงตามที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อายุ 10 ปี กลับเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านึ้เมื่อวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นตกต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2022 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งกว่า 15% จากสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction
ขณะที่ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผ่านมาครบ 3 วันทำการแรก ยังพบว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงแรง -6.2%, -7.0% และ -8.53% ตามลำดับ ส่งผลในแง่เปอร์เซ็นต์ทำสถิติดัชนีหุ้นดำดิ่ง 3 วันทำการติดต่อกันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปี 2022 และในแง่จำนวนจุดเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020