ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้เศรษฐกิจไทยปัจจุบันไม่ได้เลวร้ายเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤตโรคโควิด-19 มองจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยแบงก์ชาติอีก หนี้ครัวเรือนลด 7.5% ใน 5 ปีผ่านมาเหลือแตะ 88% ของจีดีพีไทย ยังคงสูงเกินไป

ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้ เศรษฐกิจไทย ปัจจุบันไม่ได้เลวร้ายเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤตโรคโควิด-19 เปิด 4 อุตสาหกรรมไทยเสียหายจากสงครามภาษี เปิด 5 สินค้าต่างชาติไหล่ท่วมทะลักเข้าไทย มองจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยแบงก์ชาติอีก หนี้ครัวเรือนลด 7.5% ใน 5 ปีผ่านมาเหลือแตะ 88% ของจีดีพีไทย ยังคงสูงเกินไป

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่าพายุเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างที่ประเทศไทยเคยเผชิญและผ่านมาจากอดีต เศรษฐกิจไทยดำดิ่งหนักมากถึง -7.6% ในปี 1997 ที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจต้มยำกุ้งต่อมาเศรษฐกิจไทยร่วงลงแรง -6.1% ในปี 2020 ที่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ดังนั้นการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2025 ที่จะขยายตัวระหว่าง 1.3% ถึง 2.0% ซึ่งดีกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจในช่วงแย่ๆ ในอดีตผ่านมา ประเทศไทยจะผ่านพ้นพายุนี้ เพราะไทยเคยผ่านสิ่งที่เลวร้าย และก็ผ่านสิ่งที่เลวร้ายเหล่านั้นมาได้

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายเกินไปเมื่อเปรียบเทียบอุปสรรคทางเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยในอดีตผ่านมา เนื่องจากเนื่องจากนื่องจากเศรษฐกิจประเทศไทยมีภาคบริการ ซึ่งคาดว่าภาคบริการจะยังคงเหมือนเดิมท่ามกลางมาตรการภาษีของสหรัฐ และอาจมีบทบาทสําคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย

มาตรการภาษีสหรัฐอเมริกาและคลื่นนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไหล่บ่าเข้าประเทศไทย จะทำให้เกิดความเสียหายกับหลากหลายอุตสาหกรรมของเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของอาเซียน และนั่นอาจจะหมายถึงการทิ้งแผลเป็นทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นกับไทย สำหรับอุตสาหกรรมส่งออกของไทยที่ได้รับผลกระทบมากในครั้งนี้ ได้แก่ ยางรถยนต์ รถยนต์ อาหาร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจภายในประเทศจะได้รับผลกระทบจาก สินค้าในต่างประเทศที่ไม่สามารถส่งออกเข้าไปที่สหรัฐอเมริกากลับไหลบ่าเข้ามาในประเทศไทย ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์สิ่งทอและเสื้อผ้า พลาสติก ปิโตรเคมี เหล็ก และรถยนต์ สินค้าต่างประเทศที่ไหลทะลักเข้าสู่ประเทศไทยมาจากหลายประเทศแต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาจากประเทศจีน

สถานการณ์และผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เผชิญความยากลำบากในการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทยซึ่งทำให้จะต้องมีการประเมินและคาดการณ์ออกเป็นสองกรณีซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2025 ออกเป็น 2 กรณี โดยกรณีแรกคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ระดับ 2% และอีกและอีกกรณีหนึ่ง คือเศรษฐกิจประเทศไทยมีอัตราขยายตัวต่ำสุดที่ระดับ 1.3% ผลกระทบที่แท้จริงของมาตรการภาษีสหรัฐนั้น จะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่าต่อไปว่า ไม่สามารถที่จะบอกชัดเจนว่าเมื่อไหร่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง แต่การลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว อย่างเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทย สำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบันนั้น มองว่าเอื้ออำนวยกับภาวะเศรษฐกิจไทย การลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้มองไปเพียงแค่เป้าหมายเงินเฟ้อ แต่มองถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยที่จะอ่อนแอลง

สำหรับภาวะ หนี้ครัวเรือนของไทยในปัจจุบันได้มาถูกทางแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าขณะนี้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 88% ต่อตัวเลขเศรษฐกิจหรือจีดีพีนั้น ยังมองว่าก็สูงมากเกินไป ถึงแม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับในปี 2024 ที่เคยอยู่ 88.4% ของจีดีพีไทย และในปี 2021 ประเทศไทยเคยมีภาวะหนี้ครัวเรือนสูงถึง 95.5% ของจีดีพีไทย ซึ่งเป็นสาเหตุจากการใช้มาตรการแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles