นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการตรวจสอบคนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติในการประกอบธุรกิจ (นอมินี) ในครึ่งปีแรก 2567 กรมร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการในธุรกิจเป้าหมายแล้ว 26,019 ราย ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งในจำนวนนั้นมีธุรกิจที่ได้รับการคัดกรองและต้องตรวจสอบเชิงลึก ซึ่งออกหนังสือให้นิติบุคคลชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการลงทุน จำนวน 495 ราย แบ่งเป็น กลุ่มเป้าหมายของกรม 392 ราย และตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 103 ราย แบ่งเป็น เป้าหมายของกรม 29 ราย ธุรกิจท่องเที่ยวตามเอ็มโอยู 49 ราย และกลุ่มเป้าหมายหน่วยงานพันธมิตร 25 ราย โดยได้มีการลงพื้นที่แล้ว 221 ราย หรือคิดเป็น 44% คงเหลือในเขตกรุงเทพ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายอีก 59 ราย คาดจะลงพื้นที่ตรวจสอบเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงจะเดินหน้าลงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในครึ่งปีหลัง
สำหรับธุรกิจกลุ่มเป้าหมายในการตรวจสอบปรากฎข้อมูลคนต่างด้าวหลายสัญชาติ มีข้อมูล 6 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน 2.รัสเซีย 3.อังกฤษ 4.ฝรั่งเศส 5.เกาหลีใต้ และ 6.อินเดีย โดยธุรกิจตรวจพบมีหลายประเภทธุรกิจเน้นธุรกิจตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.ต่างด้าว และคนต่างด้าวสนใจลงทุน ได้แก่ ธุรกิจซื้อขาย ให้เช่า อสังหาริมทรัพย์ นายหน้าตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
สำหรับผลการตรวจสอบเบื้องต้น จากการลงพื้นที่ตรวจสอบส่วนใหญ่ พบว่า สำนักงานบัญชีและสำนักงานกฎหมายเป็นผู้แนะนำคนต่างด้าว/นักลงทุนต่างชาติในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้มีสัดส่วนเป็นนิติบุคคลไทยตามที่กฎหมายกำหนด และใช้ชื่อคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นเพื่อให้คนต่างชาติมาพักอาศัยหรือถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้ โดยไม่มีการประกอบ กิจการจริง ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้ถือหุ้นคนไทย/นิติบุคคลที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดในลักษณะนอมินี เป็นกรณีที่ผู้ถือหุ้นคนไทยยอมรับว่าตนมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโดยไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น มีคนต่างด้าวเป็นผู้ จ่ายเงินค่าหุ้นให้แทนโดยนำชื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นเพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจได้ และกรณีที่ผู้ถือหุ้นคน ไทยไม่ทราบว่าตัวเองมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่เกิดจากสำนักงานบัญชีใช้ชื่อไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทร่วมกันคน ต่างชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ/ วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาที่ถือครองหุ้น และข้อมูลการประกอบธุรกิจเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีคนไทยให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ร่วมประกอบธุรกิจแทนคนต่างด้าว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวที่เข้าข่ายเป็นความผิดลักษณะนอมินีจะดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป โดยหากเข้าเงื่อนไขลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ธธ. จะนำส่งข้อมูลให้กรม สอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป ซึ่งการกระทำความผิดนอมินีส่วนใหญ่เกิดจากคนไทยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือมีที่ปรึกษากฎหมาย/สำนักงานบัญชีแนะนำ จึงขอเน้นย้ำให้คนไทยระมัดระวังและอย่าให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือ ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งกรณี ดังกล่าวมีความผิดทั้งนิติบุคคล ผู้ให้ความช่วยเหลือ และผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว โดยมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000–1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000–50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน