พาณิชย์ จับมือ ผู้ประกอบการ ลดราคาสินค้าข้ามปี 46 วัน ตั้งเป้าหมายลดภาระค่าครองชีพ 4,800 ล้านบาท

พาณิชย์ จับมือ ผู้ประกอบการ ลดราคาสินค้าข้ามปี 46 วัน ตั้งเป้าหมายลดภาระค่าครองชีพ 4,800 ล้านบาท

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ธันวาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะคิกออฟเปิด “พาณิชย์ลดราคา New Year Maga Sale 2025” ที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ห้าง และร้านค้าทั่วไป นำสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆมาลดราคาสินค้าเพิ่มกว่าปกติ ทั่วประเทศข้ามปีในเทศกาลปีใหม่ ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและกระตุ้นกำลังซื้อให้ประชาชน กำหนดจัดต่อเนื่อง 46 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2568 เฉพาะในกระทรวงพาณิชย์ กำหนดจัด 3 วันระหว่าง 17-19 ธันวาคม 2567 มีผู้ประกอบการนำสินค้ามาจำหน่ายกว่า 250 บูธ คาดกระตุ้นการใช้จ่ายกว่า 14,400 ล้านบาท และช่วยลดภาระค่าครองชีพประมาณ 4,800 ล้านบาท

นายวิทยากร กล่าวว่า สำหรับผลงานครบรอบ 70 วัน ที่ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน นั้น ประเด็นแรก คือ การกำกับดูแลสินค้าเกษตร ซึ่งได้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการรายสินค้า ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม และสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย แผนงานและมาตรการการบริหารจัดการ รวมทั้งให้การช่วยเหลือเกษตรกร สถาบันเกษตรกร อาทิ การพัฒนาคุณภาพ ลดต้นทุน ในส่วนของข้าว ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การซื้อขายข้าวและหารือรับฟังปัญหาจากเกษตรกรในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด จึงนำมาสู่การดำเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพการตลาดข้าวกลุ่มเกษตรกร พร้อมดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกโดยเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง มันสำปะหลัง ติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ สมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง

พร้อมดันมาตรการรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ปี 2567/68 มาตรการกำกับดูแลการรับซื้อ การขยายตลาดส่งออกมันเส้นและแป้งมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะยึดมาตรการรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อน รวมถึงการใช้มันสำปะหลังและปลายข้าวทดแทนการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศ โดยมีผู้ประกอบการขานรับแนวทางดังกล่าว เพื่อพยุงราคาสินค้าเกษตรในประเทศ ปาล์มน้ำมัน ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันเป็นประจำทุกวัน ทั้งผลผลิตและสกัด จนถึงการนำไปทำเป็นน้ำมันปาล์มขวด รวมทั้งขอความร่วมมือชะลอการส่งออก การเข้าดูแลโมเดิร์นเทรดหรือห้างสรรพสินค้า ไม่ให้มีการปรับราคาจำหน่าย (สต๊อกเก่า) และผลักดันการใช้น้ำมันถั่วเหลือง สำหรับกลุ่มผู้ใช้ในครัวเรือนให้ใช้น้ำมันถั่วเหลืองสลับกับน้ำมันปาล์มในช่วงที่ผลผลิตออกมาน้อย

นอกจากนี้ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 จัดการอบรมเจ้าหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบการ ลานเทในพื้นที่ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามมิให้กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อทำให้ผลปาล์มน้ำมันร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ได้เตรียมประสานนำน้ำมันปาล์มราคาประหยัดไปจำหน่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือผ่านกลไกของร้านธงฟ้า ส่วนสินค้าเกษตรที่กำลังจะมีผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วง 1-3 เดือนนี้ คือ หอมแดง ได้ติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนก่อนช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วง ม.ค. – มี.ค. โดยเชื่อมโยงเจรจาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า ผ่านสัญญาข้อตกลงมาตรฐาน รวมทั้งรับซื้อและกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต

นายวิทยากร กล่าวว่า ประเด็นที่สอง การลดค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามนโยบายรัฐบาล ร่วมกับผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้าลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และค่าบริการ กว่า 70% นอกจากนี้จัดโปรโมชั่นจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้า ร้านชุมชน กว่า 140,000 ร้านค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ 14,400 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงเทศกาลอย่างกินเจ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรม “เทศกาลกินเจ อิ่มบุญราคาประหยัด” จับมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ลดราคาสินค้า สามารถลดภาระค่าครองชีพ 750 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม 2,250 ล้านบาท ในส่วนนโยบายฟื้นฟูหลังอุทกภัยของรัฐบาล กรมจัดงานจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด “ธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ในเชียงใหม่และเชียงราย และ “ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล ประสานงานห้างค้าปลีกค้าส่งให้เตรียมสต๊อกสินค้า วัสดุก่อสร้าง สินค้าซ่อมแซมบ้าน สินค้าทำความสะอาดบ้านเรือน ให้มีจำหน่ายอย่างเพียงพอ

“มีการยื่นขอปรับราคามาต่อเนื่อง แต่กรม ยังรอความร่วมมือและไม่ได้อนุมัติการปรับราคา โดยดูจากโครงสร้างต้นทุนและสถานการณ์ในอนาคต ที่ยื่นมาต่อเนื่อง อาทิ ปาล์มบรรจุขวด ปลากระป๋อง ส่วนราคานมโรงเรียนที่มีปรับเพดานนั้นเป็นเรื่องเฉพาะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ต้องมีการมายื่นกับกรมการค้าภายใน ส่วนนมทั่วไปยังไม่มีการขอปรับราคา โดยเรายังยึดในเรื่องห้ามขาด ห้ามแพง” นายวิทยากร กล่าว

นอกจากนี้ ประเด็นสุดท้าย การปรับภาพลักษณ์การทำงานของกรม ได้แก่ การ Rebranding ธงฟ้า เน้นสร้างการตระหนักให้ผู้บริโภคฉลาดเลือก ฉลาดซื้อประหยัดใช้ รวมถึง ยกระดับมาตรฐานงานชั่งตวงวัดให้เป็นสากล โดยพัฒนามาตรฐานของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศต่าง ๆ อาทิ เยอรมัน เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้นแบบให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านใช้มาตรฐานเดียวกันกับของไทยต่อไป ต่อไปจะยกระดับงานชั่งตวงวัดของไทย กับกัมพูชา และฟิลิปปินส์ ส่วนของการตรวจสอบ แต่งตั้งหน่วยตรวจ (Outsources) ให้ภาคเอกชนดำเนินการตรวจสอบให้คำรับรองแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ ลดเวลารอคิวตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ อีกทั้งให้การกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัดมีความทั่วถึงและครอบคลุมมากขึ้น ปัจจุบันแต่งตั้งแล้ว 5 บริษัท ซึ่งส่วนนี้จะเพิ่มรายได้นำส่งรัฐบาลจากปีละ 25 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท และจะขยายขอบเขตการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด จากปัจจุบันดูแลเครื่องชั่งตวงวัด 45 ชนิด ให้เพิ่มเติมอีก 6 ชนิด โดยเฉพาะมาตรวัดไฟฟ้า แท็กซี่มิเตอร์( EV Charger) เครื่องวัดลมยางรถยนต์ เครื่องวัดความเร็วรถยนต์ และเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจ

อีกประเด็นคือ ปรับปรุงกฎหมายการค้าข้าว เน้นลดขั้นตอนและภาระในการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้ามาเป็นผู้ส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น มีการจัดตั้งทีมคอมมูนิตี้ดูแลสินค้าเฉพาะตัวแบบครบวงจร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน พืชหัว ผลไม้ เป็นต้น และเชิงรุกในการตรวจสอบ อย่างปีใหม่มีการจัดทีมตรวจสอบคุณภาพและราคาสินค้าตามสถานีขนส่งในช่วงเทศกาลปีใหม่

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles