พาณิชย์ ชี้ตลาดข้าวกลับมาคึกคัก ราคาข้าวหอมดีดแตะ 16,000 บาท/ตัน ข้าวเปลือกเจ้าขึ้นเป็นตันละ 7,200 บาท จากมาตรการดูดซับตรงจุดของ นบข.

พาณิชย์ ชี้ตลาดข้าวกลับมาคึกคัก ราคา ข้าวหอม ดีดแตะ 16,000 บาท/ตัน

กระทรวงพาณิชย์ รายงานราคาข้าวเปลือกหอมมะลิดีดตัวแรงแตะ 16,000 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นตันละ 1,000 บาท ด้านข้าวเปลือกเจ้า ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 400 บาท เป็นตันละ 7,200 บาทต่อตัน หลังรัฐบาลเร่งเดินหน้ามาตรการดูแลข้าวทั้งระบบตามมติ นบข. ส่งผลให้ตลาดเกิดการปรับตัวเชิงบวกอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านการรับซื้อ การดูดซับผลผลิต และความเชื่อมั่นของเกษตรกร

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อสินค้าเกษตรหลัก โดยเฉพาะ “ข้าว” ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของเกษตรกรทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำชับทุกหน่วยงานให้เดินหน้ามาตรการเชิงรุกและลงปฏิบัติการในพื้นที่ทันที เพื่อป้องกันภาวะราคาตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากช่วงปลายปีนี้

อธิบดีกรมการค้าภายในระบุว่า ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ล่าสุด เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2568 ได้ออกมาตรการเร่งด่วนในการช่วยดูดซับปริมาณข้าวเปลือกออกจากระบบ รวมทั้งมาตรการก่อนหน้านี้ ทั้งชะลอการขายข้าว มาตรการรับฝากเก็บ รวมถึงการเร่งจัดตลาดนัดข้าวเปลือกทั่วประเทศ เพื่อพยุงราคา สร้างตลาด และเสริมรายได้ให้เกษตรกรในช่วงผลผลิตออกกระจุกตัว

โดยสถานการณ์ราคาล่าสุด ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ยืนยันว่ามาตรการทั้งหมดเริ่มเห็นผลชัดเจน ราคาข้าวเปลือกความชื้น 15% ปรับเพิ่มในแทบทุกชนิด โดยข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 14,700–16,100 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี 8,000–8,300 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 6,300–7,200 บาทต่อตัน และข้าวเหนียว 7,000–10,000 บาทต่อตัน โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิได้มีการปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 400 บาทต่อตัน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสัปดาห์ก่อน (14 พ.ย. 68) ถือเป็นหนึ่งฤดูกาลที่ราคาปรับตัวดีขึ้นเร็วที่สุดในรอบหลายปี

นายวิทยากร กล่าวต่อว่า “ในส่วนของการดำเนินโครงการตลาดนัดข้าวเปลือก กรมการค้าภายในร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 และจะจัดต่อเนื่องรวมกว่า 50 ครั้งใน 32 จังหวัด ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง จนถึงเดือนเมษายน 2569 โดยตลาดนัดข้าวเปลือกเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการจากนอกพื้นที่เข้าไปรับซื้อถึงแหล่งผลิตของเกษตรกร ลดภาระค่าขนส่ง เพิ่มช่องทางขายโดยตรง และแก้ปัญหาบางพื้นที่ที่ไม่มีผู้รับซื้ออย่างมีประสิทธิภาพ

ผลการจัดตลาดนัดในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ประกอบการหลายรายเข้าไปรับซื้อในราคานำตลาดอย่างคึกคัก โดยราคารับซื้อในพื้นที่ตลาดนัดสูงกว่าตลาดทั่วไปเฉลี่ย 200–400 บาทต่อตัน ทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคา ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในหลายจังหวัดปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่สำนักงานชั่งตวงวัดในพื้นที่โดยเฉพาะจุดที่มีการซื้อขายข้าว ได้ลงพื้นที่เพื่อกำกับดูแลการรับซื้อข้าวเปลือกของพี่น้องเกษตรกรโดยตรวจสอบความถูกต้องของการชั่งน้ำหนัก การวัดความชื้น และการหักสิ่งเจือปน รวมถึงการแสดงราคารับซื้อ เพื่อให้การซื้อขายเป็นธรรม เที่ยงตรง และโปร่งใสให้เกษตรกร

“มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิตนี้ของ นบข. และการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกทั่วประเทศ ได้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านราคาที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่พี่น้องเกษตรกร โดยกรมจะขับเคลื่อนมาตรการต่อเนื่องเพื่อรักษาราคาและสร้างเสถียรภาพให้ตลาดข้าวตลอดฤดูกาลผลิตปีนี้”

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles