พาณิชย์ เปิด 10 สินค้าจีไอไทยสร้างยอดขาย รายได้ให้ชุมชน ทุเรียนครองแชมป์อันดับ 1 ในปี 68  

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา(ทป.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในปีงบประมาณ 2568 อย่างครบวงจร ตั้งแต่การขึ้นทะเบียน GI การควบคุมคุณภาพ การส่งเสริมการตลาด GI ทั้งในไทยและในต่างประเทศ และสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง GI โดยมีเป้าหมายให้สินค้า GI ไทยเป็นที่ยอมรับ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ผู้ประกอบการและชุมชนแหล่งผลิตสินค้า โดยปี 2568 จากที่มีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI สะสมรวม 239 รายการ สามารถทำมูลค่าได้สูงกว่า 82,000 ล้านบาท เนื่องจาก GI เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ถือเป็นสินค้าที่มีความพิเศษ สามารถขายได้ราคาดีกว่าสินค้าทั่วไป และสามารถสร้างรายได้และอาชีพให้กับชุมชน

ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2568 กรมได้ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทยเพิ่มอีก 27 รายการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6,100 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันไทยมีสินค้า GI อยู่ที่ 239 รายการ มูลค่าการตลาด 82,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มี 212 รายการ มูลค่า 76,000 ล้านบาท โดยสินค้า GI ที่ทำรายได้ติด Top 10 ในปี 2568 ได้แก่

1.ทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด (ตราด) 11,047 ล้านบาท

2.ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา 6,661 ล้านบาท

3. ทุเรียนหมอนทองระยอง 4,886 ล้านบาท

4.ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ 4,812 ล้านบาท

5. มะพร้าวทับสะแก (ประจวบคีรีขันธ์) 3,776 ล้านบาท

6. เหล้าแป้ (แพร่) 3,632 ล้านบาท

7. มะขามหวานเพชรบูรณ์ 3,363 ล้านบาท

8. หอมแดงศรีสะเกษ 2,882 ล้านบาท

9.กุ้งก้ามกรามบางแพ (ราชบุรี) 2,570 ล้านบาท

10. ทุเรียนบางนรา (นราธิวาส) 2,544 ล้านบาท

ทั้งนี้  กรมส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้า GI มีการทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อรักษามาตรฐานการผลิต ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าได้รับของดีมีคุณภาพที่มาจากแหล่งผลิตโดยตรง โดยตัวอย่างความสำเร็จในการส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้า GI ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การพาสินค้า GI สู่ตลาด ในงาน GI Market และงาน Thaifex – Anuga Asia การยกระดับสินค้า GI โดยการช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น 

สำหรับแผนการส่งเสริมสินค้า GI ปีงบประมาณ2569 กรมพร้อมรับลูกนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญและเดินหน้าส่งเสริมสนับสนุนสินค้า GI ไทยแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ พาณิชย์จังหวัด เฟ้นหาสินค้าคุณภาพที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นให้เข้าสู่ระบบการคุ้มครอง GI ทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ เรื่องการวิเคราะห์ตลาดเป้าหมาย และขยายตลาดสินค้า GI ไทยสู่สากล รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดสินค้า GI ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดสินค้าพรีเมียม และร้านอาหาร Fine Dining ในการใช้ GI เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร จะช่วยให้เกิดยอดสั่งซื้อ GI จากผู้ผลิตอย่างสม่ำเสมอ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า GI โดยที่ผ่านมาสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้วจะมีมูลค่ามากกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 2-5 เท่า นำมาซึ่งรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles