นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยระบุว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 45,955 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 4,448 ล้านบาท (10.7%) สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 3,539 ล้านบาท (10.1%) เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ให้บริการเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารในตารางการบินฤดูหนาว ปี 2566-2567 รองรับการเดินทางของผู้โดยสาร เพิ่มขึ้น
โดยมีเครือข่ายเส้นทางบินให้บริการครอบคลุม 59 จุดบิน ใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยเป็น 8 จุดบินในประเทศ (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังประเทศจีน ในเส้นทางปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉิงตู คุนหมิง รวมทั้งในเส้นทางบินยอดนิยม อาทิ โอซากา ฮ่องกง สิงคโปร์ ไทเป และบริษัทฯ ยังได้เปิดเส้นทางใหม่บินตรงสู่เมืองอิสตันบูล สาธารณรัฐทูร์เคีย ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากกิจการอื่นเพิ่มขึ้น 642 ล้านบาท (32.8% ) ซึ่งหน่วยธุรกิจส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารของสายการบินลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และมีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 868 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าใช้จ่ายมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 34,880 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 6,407 ล้านบาท (22.5%) โดยเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตและ/เหรือปริมาณการขนส่ง จำนวนเที่ยวบิน จุดบิน และผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น การอ่อนค่าของเงินบาท รวมทั้งอัตราค่าบริการภาคพื้นและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 11,075 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,959 ล้านบาท (15.0%)
ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยรับรู้ต้นทุนทางการเงิน (ซึ่งเป็นการรับรู้ต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 : TFRS 9) จำนวน 4,608 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 1,059 ล้านบาท (29.8%) และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว สาเหตุหลักจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินและสินทรัพย์สิทธิการใช้อุปกรณ์การบินหมุนเวียน ถึงแม้จะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับปรุงรายได้บัตรโดยสารที่หมดอายุ และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม
โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิ เป็นค่าใช้จ่ายรวม 4,036 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนเป็นรายได้จำนวน 2,987 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 2,423 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 10,100 ล้านบาท โดยเป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,410 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.10 บาท ลดลงจากปีก่อน 4.63 บาทต่อหุ้น
ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่การปรับปรุงประสิทธิภาพฝูงบินและขยายเส้นทางบิน โดยมีการรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 จำนวน 3 ลำ ตามแผนการจัดหาฝูงบินปัจจุบัน รวมไปถึงเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังฮ่องกง สิงคโปร์ ไทเป กาฐมาณฑุ มะนิลา ภูเก็ต ซิดนีย์ โตเกียว (นาริตะ) กลับมาให้บริการไปยังเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย และเมืองโคลัมโบ ซึ่งเปีนเมืองหลวงของประเทศศรีลังกา ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา การหาประโยชน์จากทรัพย์สินรองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยมีการจำหน่ายเครื่องบินแบบแอร์บัส A340-600 จำนวน 2 ลำ และโบอิ้ง 747-400 จำนวน 1 ลำ และการปรับปรุงโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการบิน โดยบริษัทฯ ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการบินแล้วเสร็จ รับโอนเครื่องบินแบบแอร์บัส A320-200 จำนวน 4 ลำสุดท้ายจากบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ในเดือนมกราคม 2567 และให้บริการเส้นทางในประเทศเพิ่มเติม ได้แก่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี กระบี่ หาดใหญ่ และนราธิวาส (ทั้งนี้ สำหรับเส้นทางนราธิวาส บริษัทฯ หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2567)