แกร็บ โฮลดิ้งส์ (Grab) จากสิงคโปร์ และโกทู กรุ๊ป (GoTo) จากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็น 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นและชั้นนำในธุรกิจบริการร่วมเดินทาง และจัดส่งอาหารเครื่องดื่มในอาเซียน กลับมาเปิดการเจรจาอีกครั้งเกี่ยวกับการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัท ด้วยเป้าหมายสำคัญที่สุดในการลดผลประกอบการที่ขาดทุนจากการแข่งขันที่รุนแรงของทั้ง 2 บริษัทในช่วงผ่านมา
การกลับมาเจรจาครั้งใหม่ในรอบนี้เป็นการพูดคุยในเบื้องต้นเกี่ยวกับรูปแบบที่หลากหลายในโอกาสการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในรูปแบบ คือแกร็บควบรวมกิจการด้วยการซื้อโกทูมาด้วยหลายทางเลือก ได้แก่ ซื้อเงินสด ซื้อด้วยหุ้น หรือผสมผสานทั้ง 2 รูปแบบด้วยกัน ในขณะเดียวกัน ท่าทีของโกทูมีแนวโน้มเปิดกว้างมากขึ้นในการกลับมาเจรจาครั้งนี้ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอคนใหม่ นายแพททริค วาลูโจ ที่นั่งบริหารตั้งแต่ปีผ่านมา ที่สำคัญผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทั้ง 2 บริษัทล้วนสนับสนุนการกลับมาเจรจาในครั้งนี้
สำหรับมูลค่าการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทนั้น ได้กลายเป็นข้อจำกัดสำคัญ เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทโกทูตกต่ำมากถึง -30% ในช่วง 12 เดือนผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีคำถามเกี่ยวกับการเจรจาไปถึงโครสร้างใหม่ และการกำกับดูแลด้วย แต่ละบริษัทล้วนมีสมาชิกใช้บริการร่วมเดินทางหลาย 10 ล้านคน ซึ่งหากควบรวมกันได้ อาจทำให้มีการปรับเพิ่มค่าบริการ และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและพื้นที่ให้บริการในตลาดสำคัญ เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งพบว่ามีการแข่งขันสูงด้วยราคาค่าบริการที่ถูกลงมาก ในขณะเดียวกัน หากรวมกิจการกันได้ ธุรกิจในเครืออื่นๆ เช่น บริการการเงิน และบริการชำระเงินอิเลคทรอนิคส์ จะมีผลกำไรสูงขึ้นมากจากขนาดของตลาดที่ใหญ่ขึ้น
ในการคาดการณ์เบื้องต้น พบว่ามูลค่าของทั้ง 2 บริษัทในการเจรจาครั้งนี้มีรวมกันสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 700,000 ล้านบาทนั้น อาจต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญในการแข่งขันตลาด โดยอาจต้องถูกตรวจสอบเรื่องการครอบงำบริการในตลาด เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทมีขนาดใหญ่และเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ในแต่ละประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์