เลย์ออฟส์ ดอท เอฟวายไอ ธุรกิจสตาร์ทอัพรวบรวมข้อมูลภาวะแรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของโลก เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงเมื่อวานนี้ 15 มีนาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐ มีจำนวนพนักงานถูกปลดออกจากงานรวมกัน 50,158 คน จากบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจำนวน 207 แห่ง ซึ่งเป็นตัวเลขสะท้อนถึงสถานการณ์ตกงานอย่างต่อเนื่องจากในปี 2023 ที่มีพนักงานตกงานรวมทั้งสิ้นกว่า 260,000 คนจากบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีรวมกว่า 200 แห่ง ส่งผลให้ปี 2023 เป็นปีที่สร้างสถิติพนักงานในสายอาชีพเทคโนโลยีตกงานมากเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่ต้นปีนี้ บริษัทที่มีขนาดยักษ์ใหญ่และแบรนด์ดังระดับโลกได้ปลดพนักงานครั้งใหญ่และมีจำนวนพนักงานตกงานมาก ได้แก่ อัลฟาเบธ(กูเกิ้ล) อเมซอน เมตา(เฟสบุ๊ก) ไมโครซอฟท์ อีเบย์ ยูนิตี้ซอฟต์แวร์ เอสเอพี(SAP) ซิสโก้(CISCO) เพย์พอล(PayPal) เป็นต้น
ในเดือนกุมภาพันธ์ผ่านไป จำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ตกงานมีจำนวนมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีนับตั้งแต่ปี 2009 หรือในรอบ 15 ปี ซึ่งในปี 2008 นั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาล่มสลาย หรือเรียกกันติดปากว่าวิกฤตซับไพรม์
นายโรเจอร์ ลี ผู้ก่อตั้ง เลย์ออฟส์ ดอท เอฟวายไอ กล่าวว่าสถานการณ์พนักงานสายเทคโนโลยีที่ตกงานจำนวนมากในขณะนี้ และคาดหวังว่าด้วยประสบการณ์ที่สูงจะได้มีโอกาสทำงานในสายงานเดิมในบริษัทใหม่นั้น กลับไม่เป็นเหมือนในอดีตผ่านมา เพื่อที่จะให้ได้ตำแหน่งใหม่ และมีงานทำต่อเนื่อง พนักงานสายงานเทคโนโลยีไม่มีทางเลือกที่จะต้องยอมรับเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับบริษัทสุดท้ายที่ถูกปลดออก ต้องยอมรับสภาพสิ่งแวดล้อมในบริษัทที่ไม่ตื่นเต้น ไม่มีบรรยากาศคึกคัก เงื่อนไขในการทำงานมีความเข้มข้นมาก ข้อมูลจากคอมพรีเฮนสีฟ ไอโอ พบว่า อัตราเงินเดือนของตำแหน่งงานเทคโนโลยีถูกแช่แข็งมาเป็นเวลา 2 ปีผ่านมา นอกจากนี้ หลายตำแหน่งงานเทคโนโลยีระบุชัดเจนว่า ต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งด้วย
โอกาสการได้งานแห่งใหม่ของพนักงานสายงานเทคโนโลยีที่ถูกปลดออกจากบริษัทในสหรัฐอเมริกาแทบจะมีเพียง 5% โดยเฉลี่ยแล้ว พบว่า การส่งใบสมัครงานไปถึง 48 บริษัท แต่กลับได้รับการเชิญไปสัมภาษณ์งานมีเพียง 2 แห่ง และในที่สุดตอบรับกับข้อเสนอของบริษัทใหม่ด้วยอัตราเงินเดือนที่ลดต่ำลงจากที่เดิมมากถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือได้น้อยกว่าที่เดิมถึง 108,000 บาท ที่สำคัญ ไม่ได้รับเข้าเป็นพนักงานประจำ แต่เป็นพนักงานว่าจ้างด้วยสัญญาจ้างงาน
