ศ.ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร อดีตคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับสถานะของอาจารย์มหาวิทยาลัยภายหลังยกสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐหรือออกนอกระบบ มีดังนี้
อนาถใจกับอนาคตอาจารย์มหาวิทยาลัยไทย ภายหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับเหมือนต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร โดยมีหลักการใหญ่ 2 ด้านคือ
- บริหารงบประมาณแบบเป็นก้อนเลย (แต่เดิมบริหารงบประมาณแบบเป็นหมวดๆ) ซึ่งฟังดูดี แต่จะดีเฉพาะผู้บริหารเท่านั้น รวมทั้งลืมคิดไปว่า มหาวิทยาลัยยังมีเงินงบประมาณรายได้ที่มีอิสระในการบริหารและจำนวนเงินมากกว่าเงินงบประมาณแผ่นดินเสียอีก เช่น มหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่งเคยชี้แจงในกรรมาธิการงบประมาณว่า ได้งบประมาณแผ่นดินแค่ 5,000 ล้านบาท แต่มีงบประมาณเงินรายได้อีก 10,000 ล้านบาท
- เพิ่มเงินเดือนอาจารย์ให้มากขึ้น 1.7 เท่า โดยเป็นเงินเดือน 1.5 เท่าของอัตราราชการ และอีก 0.2 เท่าเป็นสวัสดิการ ฟังดูดีมากๆ จนเคลิ้มกันไปหลายสิบปี จึงตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า รักคือฝันไป เพราะสิ่งที่หายไปคือ “ความมั่นคงในอาชีพ“ และ”จิตวิญญาณของความเป็นครู“…เพราะทุกคนต้องเป็นพนักงาน ไม่ใช่ข้าราชการอีกต่อไป
ผมขอกล่าวเฉพาะประเด็นหลังครับว่า เป็นแนวคิดที่ผิดปกติมากๆ เพราะอย่าลืมว่า หลายอาชีพที่ต้องใช้หัวกะทิของประเทศ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร หรืออาจารย์มหาวิทยาลัยนั้น ประเทศควรสร้างความมั่นคงและส่งเสริมให้เขาทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ปรากฏในปัจจุบันนี้
- “ทำงานอย่างไร้ความมั่นคง” เพราะมหาวิทยาลัยสามารถยกเลิกสัญญาจ้างเมื่อใดก็ได้ ทำให้อาจารย์มหาวิทยาลัยต้องทำงานทุกอย่างทั้งเสมียน แม่บ้าน สอนนักศึกษา ทำวิจัย บริการวิชาการ เต้นหมอลำ ทำเอกสารประเมินหลักสูตร หรือทำเอกสารเพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการ เป็นต้น…จนปัจจุบันจะเห็นว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยมีลูกน้อยลง (สังเกตจากจำนวนลูกของอาจารย์ที่เข้าโรงเรียนสาธิต)
- ”ทำงานที่ไร้อนาคต“ เพราะเกษียณอายุ 60 ปีแล้ว จะไม่ได้รับบำนาญ หรือ ไม่ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาล ..เป็นเรื่องที่น่าอนาถใจมาก
- ”ทำงานที่ไร้ความเท่าเทียม“ เพราะ ถ้าเป็นข้าราชการ นอกจากจะได้บำนาญ สิทธิรักษาพยาบาลพ่อแม่ลูก สิทธิเบิกค่าเล่าเรียน ฯลฯแล้ว ยังได้ค่าตอบแทนประจำตำแหน่ง 2 เท่า ขณะที่พนักงานจะได้เพียง 1 เท่า ดังนั้น ผลรวมของรายได้จึงไม่แตกต่างกันมาก ..แต่สิทธิประโยชน์ต่างกันราวสวรรค์กับนรก !
- ”ทำงานอย่างไร้จิตวิญญาณ“ เพราะ ไม่สามารถส่งเสียงเพื่อแสดงความเห็นทางวิชาการแก่สังคมได้(ในทางกฎหมายทำได้ แต่ในทางปฏิบัติไม่มีใครกล้า เพราะอาจส่งผลต่อการต่อสัญญา) รวมทั้งการสอนก็จะใช้มาตรฐานแบบเมื่อ20 ปีก่อนไม่ได้ เพราะต้องสอนให้เด็กจบด้วยปริมาณ..ย้ำ.ปริมาณ!… เพราะค่าเทอมนักศึกษาคือแหล่งรายได้หลักของมหาวิทยาลัย
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง ที่ทุกคนมองว่าภูเขาน้ำแข็งนั้นสวยงามเหลือเกิน ขอเรียนว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยในต่างประเทศนั้น เป็นพนักงานเหมือนกัน แต่เขาได้รับบำนาญและได้สิทธิรักษาพยาบาล จนตายครับ ดังนั้น จะเห็นว่าทุกพรรคที่เคยเป็น รมต อว. ล้วนพบกับความล่มสลายไปทั้งสิ้น เพราะเข้ามาบริหารกระทรวง แต่ไม่สนใจบุคคลากรเลย ผมหวังว่า รัฐมนตรี อว ท่านปัจจุบัน จะช่วยหาวิธีที่จะช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านจำนวนเป็นแสนคนนี้ด้วยนะครับ