มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าพัฒนารถยนต์รุ่นนี้อย่างจริงจัง และส่งลงตลาดครั้งแรก ในฐานะรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มีรูปโฉมสง่างาม มาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ที่ให้ทั้งพละกำลังแรงและประหยัดน้ำมัน และมีเครื่องยนต์ให้เลือกมากที่สุดในตลาดถึง 3 แบบ ที่สำคัญให้ความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายสไตล์ ส่งผลให้มาสด้า CX-5 กลายเป็นรถเรือธงอันเลื่องชื่อในยุคนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นล้วนมาจากปณิธาน “กล้าที่จะแตกต่าง” มาสด้ากล้าที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ ในสมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่าใดนัก นั่นคือโจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่ง แต่มาสด้ากลับมองตรงข้าม เล็งเห็นถึงโอกาสที่ยานยนต์ประเภทนี้จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กลายเป็นรุ่นยอดนิยมของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและนานาประเทศนับแต่นั้นมา จนถึงปัจจุบันมีลูกค้าจากทั่วโลกครอบครองรถยนต์รุ่นนี้ไปแล้วเกือบ 5 ล้านคัน และหนึ่งในนั้นคือลูกค้าชาวไทยที่เป็นเจ้าของกว่า 33,000 คัน
จะเนื่องด้วยเหตุผลกลใดจึงทำให้ มาสด้า CX-5 เจเนอเรชั่นแรก เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2555 ถูกจับตามองเรียกความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก กลายเป็นรถครอสโอเวอร์ที่สร้างชื่อให้กับมาสด้าอย่างรวดเร็ว พร้อมคว้ารางวัลความสำเร็จมากมาย อาทิ Japan Car of The Year ประจำปี 2555 – 2556 และรางวัล JNCAP Five-star award ประเทศญี่ปุ่น ปี 2556 จนถึงปัจจุบันมาสด้า CX-5 มียอดขายสะสมทั่วโลกสูงถึง 4.6 ล้านคัน นับเป็นยนตรกรรมแห่งความภาคภูมิใจของชาวมาสด้าต่อการพัฒนาด้านวิศวกรรมยานยนต์ เพื่อส่งมอบความสุขและความสนุกสนานในการขับขี่ให้ลูกค้าทั่วโลก อันเป็นปณิธานสูงสุดที่มาสด้ายึดมั่น
มาสด้า CX-5 เดินทางมาถึงประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2556 กลายเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นแรกที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้กับแบรนด์มาสด้าจนผงาดขึ้นแถวหน้าของตลาด โดยอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน ผนวกกับการออกแบบตามแนวทาง Kodo design – Soul of motion หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันสง่างาม เกิดจากเส้นสายที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่งอันทรงพลัง และความคล่องแคล่วปราดเปรียวของเสือชีต้าห์ที่กำลังกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อซึ่งเป็นท่วงท่าที่สง่างาม นั่นคือแรงบันดาลใจของนักออกแบบ จึงกลายเป็นรถรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทยอย่างรวดเร็ว โดยมียอดขายสะสมสูงถึง 17,365 คัน ส่วนเจเนอเรชั่นที่สองเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ปัจจุบันมียอดขายรวม 15,767 คัน เมื่อรวมทั้งสองเจเนอเรชั่นแล้ว มาสด้า CX-5 มีอยู่ในการครอบครองของลูกค้าไปแล้วถึง 33,132 คัน โดยปัจจัยหลักสำคัญที่ส่งผลทำให้ มาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จจนได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย
-เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ
-การออกแบบที่เรียบง่ายแต่งดงาม ตามแนวทาง Kodo – Soul of motion
-อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือ เรื่องราวความเป็นมาและองค์ประกอบโดยสังเขปของมาสด้า CX-5 ที่ได้สร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและวิธีคิด “กล้าที่จะแตกต่าง” Defy convention ด้วยการลงมือทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริง ทำให้อุปสรรคกลายเป็นความท้าทายบทใหม่ ที่พร้อมจะผลักดันให้มาสด้าก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ในอนาคตก้าวต่อจากนี้ไปน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปสู่อนาคต มาสด้ากำลังเดินหน้าตามวิถีทางด้วยความมุ่งมั่นตามพันธสัญญา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น โดยนำเสนอเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ตอบโจทย์ของคนส่วนใหญ่ แล้วนำมาพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อส่งมอบความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่มากขึ้น และเพื่อรักษาโลกของเราให้สดใสสวยงามไปสู่ลูกหลานของเราตลอดไป