แชเลนเจอร์ เกรย์ แอนด์ คริสมาส ซึ่งเป็นบริษัทจัดทำข้อมูลภาวะตลาดแรงงานชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า การเลิกจ้างในเดือนตุลาคมมีทั้งหมด 153,074 คน เพิ่มขึ้น 183% จากเดือนกันยายน และสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 175% เป็นระดับสูงสุดของแต่ละเดือนตุลาคมในรอบ 22 ปี หรือตั้งแต่ปี 2003 และเป็นปีที่แย่ที่สุดสําหรับการเลิกจ้างงานนับตั้งแต่ปี 2009 หรือในรอบ 16 ปี บริษัทกลุ่มเทคโนโลยีปลด 33,281 ครั้ง สูงเกือบ 6 เท่าของเดือนกันยายน สาเหตุหลักสำคัญมาจากปัจจัยการสะดุดหยุดลงของเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีดิสรัปชั่น ที่ส่งผลให้บรรดาบริษัทและองค์กรต่างๆ ล้วนตัดลด และควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรเป็นหลัก
โดยรวมแล้ว จำนวนบริษัทในภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกาในปี 2025 มีการประกาศผลการรวมกันสูงถึง 1.1 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ที่สำคัญ เป็นยอดการปลดพนักงานของภาคเอกชนที่ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่การเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 หรือในรอบ 6 ปี นอกจากนี้ ยอดปลดพนักงานในเดือนตุลาคมปีนี้ยังทำสถิติสูงสุดมากกว่าเดือนใดๆในไตรมาสที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2008 หรือในรอบ 17 ปี หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจการเงินล่มสลายในสหรัฐอเมริกา
บางอุตสาหกรรมเผชิญการปรับลดพนักงาน เนื่องจากการจ้างงานมากมายในช่วงของการระบาดโรคโควิด-19 แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการนํา AI มาใช้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคและองค์กรที่อ่อนตัวลง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทําให้รัดเข็มขัด และการจ้างงานหยุดชะงัก ผู้ที่ถูกเลิกจ้างตอนนี้พบว่ามันยากที่จะได้รับตําแหน่งใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจคลายตลาดแรงงานต่อไป