ยูนิโคลปั้มยอดขายเสื้อผ้าแฟชั่นแตะ 1 ล้านล้านเยนครั้งแรกในญี่ปุ่น คาดปีงบ 2025 ยอดขายพุ่งอีก 10% ทะลุกว่า 3 ล้านล้านเยน หรือกว่า 7 แสนล้านบาท พร้อมต่อทำกำไรเกือบ 90,000 ล้านบาท

ยูนิโคล ปั้มยอดขายเสื้อผ้าแฟชั่นแตะ 1 ล้านล้านเยนครั้งแรกในญี่ปุ่น คาดปีงบ 2025 ยอดขายพุ่งอีก 10% ทะลุกว่า 3 ล้านล้านเยน หรือกว่า 7 แสนล้านบาท พร้อมต่อทำกำไรเกือบ 90,000 ล้านบาท

ฟาสท์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิต ค้าปลีก และเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อยูนิโคล Uniqlo ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นในกลุ่ม FMCG ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ไม่เพียงมียอดขายภายในประเทศญี่ปุ่นขึ้นแตะที่ระดับ 1 ล้านล้านเยน หรือ 6,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กว่า 216,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจเป็นต้นมา แต่ยังทำยอดขายได้สูงสุดถึง 1.03 ล้านล้านเยน หรือกว่า 222,995 ล้านบาทอีกด้วย

ที่สำคัญ ฟาสท์ รีเทลลิ่ง กลายเป็นบริษัทในธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่นรายแรก ที่มียอดขายภายในประเทศแตะที่ระดับหนึ่งล้านล้านเยนเป็นครั้งแรกอีกด้วย สำหรับยอดขายภายในประเทศญี่ปุ่นดังกล่าวนับถึงสิ้นสุดปีงบประมาณของบริษัทที่ผ่านไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2025

ขณะที่ ฟาสท์ รีเทลลิ่ง คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2025 นี้ จะมียอดขายรวมเพิ่มเป็น 3.4 ล้านล้านเยน หรือกว่า 736,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 10% เพื่อเทียบกับปีงบประมาณสิ้นสุด 2024 สอดคล้องกับกำไรคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 410,000 ล้านเยน หรือกว่า 88,765 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เช่นเดียวกัน

ยอดขายของยูนิโคลดังกล่าว พบว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงปีงบประมาณเดียวกันในปี 2024 ผ่านมา โดยมีตัวเลขยอดขายรวมทั้งจากสาขาหน้าร้าน ออนไลน์ และร้านประเภทแฟรนไชส์จำนวน 10 แห่ง ทั้งหมดภายในประเทศญี่ปุ่น ยูนิโคลมีร้านสาขารวมทั้งสิ้น 784 แห่งในประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่ม
มียอดขายภายในตลาดญี่ปุ่นแตะที่ระดับ 800,000 ล้านเยน หรือกว่า 173,200 ล้านบาทเมื่อปี 2017 แต่หลังจากนั้นยอดขายของยูนิโคลผันผวนมีขึ้นมีลงในช่วงระหว่างปี 2018 ถึง 2022 หรือในช่วงเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19

หลังจากปี 2022 จนมาถึงสิ้นสุดงบประมาณในวันที่ 30 สิงหาคมปี 2025 แบรนด์ยูนิโคลทำยอดขายภายในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นถึง 220,000 ล้านเยน หรือกว่า 43,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละกว่า 14,300 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีให้หลังผ่านมานั้นเป็นผลจากการปฏิรูป สาขาและระบบการผลิต

ในด้านการปฏิรูปสาขาหน้าร้าน ยูนิโคลปิดสาขาที่ไม่สามารถดำเนินการตามเป้าหมายไปรวมกันทั้งหมดมากกว่า 30 แห่งในประเทศญี่ปุ่นในช่วง 5 ปีผ่านมา ในขณะเดียวกันปรับปรุงและขยายยอดขายเฉลี่ยเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อคิดเป็นยอดขายเสื้อผ้าต่อพื้นที่ตารางเมตรภายในสาขา นอกจากนี้ได้ขยายพื้นที่ภายในสาขาเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ จัดวางสินค้าได้มากขึ้นในขณะเดียวกัน สร้างความต้องการในการซื้อสินค้าได้มากขึ้น สะท้อนได้จากยอดขายเฉลี่ยของสาขาที่บริหารจัดการโดยยูนิโคล่โดยตรง พบว่าเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2020 ส่งผลให้ยอดขายภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 992,530 ล้านเยน หรือกว่า 214,883 ล้านบาทในปี 2024

ความสำเร็จของยูนิโคลที่สามารถทำยอดขายได้แตะหลัก 1 ล้านล้านเยนภายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มต้นกิจการมาเป็นระยะเวลา 41 ปีจนถึงปัจจุบันนั้น ในปี 2023 ยูนิโคลจัดตั้งแพลตฟอร์มการบริหารจัดการมีชื่อว่า แมเนจเมนท์ ค๊อกพลิท (Management Cockpit) ด้วยการเก็บสะสมข้อมูลมากกว่า 30 ล้านชุดข้อมูล เช่น ยอดขายเวลาจริงทั้งในตลาดญี่ปุ่น ในต่างประเทศรวมถึงออนไลน์ ยอดสต๊อกเวลาจริงในคลังสินค้า การสะท้อนความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้สินค้าของยูนิโคลทั้งภายในร้านสาขา และระบบออนไลน์ การแสดงความคิดเห็นของลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้วกลับมายังศูนย์บริการสนับสนุนลูกค้า ข้อมูลดังกล่าวนั้นส่งผลให้ยูนิโคลผลิตเสื้อผ้าใหม่ด้วยการใช้วัสดุ และวัตถุดิบที่สะท้อนความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจน รวมถึงปรับปรุงคุณภาพของไลน์เสื้อผ้าที่มีอยู่เดิม

ด้านยอดขายยูนิโคลในต่างประเทศคิดเป็น 55.2% ของยอดขายรวมทั้งหมดของยูนิโคล ในประเทศจีน ยูนิโคลเปิดร้านสาขามากถึง 902 แห่ง คิดเป็นมากกว่า 118 แห่งของร้านสาขาที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2024 ที่ผ่านมายอดขายในตลาดประเทศจีนรวมถึงไต้หวันนั้น คิดเป็น 21.8% ของยอดขายรวมทั้งหมดของยูนิโคล นั่นหมายถึงเป็นตลาดที่มียอดขายมากกว่ายอดขายของอาเซียน เกาหลีใต้ อินเดีย และออสเตรเลียรวมกันทั้งหมดอยู่ที่ 17.4% ของยอดขายทั้งหมด

ทั้งนี้ สำหรับตลาดต่างประเทศของแบรนด์ยูนิโคลนั้น ฟาสท์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่น ใหญ่อันดับ 3 ของโลก อันดับ 1 ของโลก ได้แก่ บริษัทอินดิเท็กซ์จากประเทศสเปน ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นซาร่า (Zara) โดยมียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 38,600 ล้านยูโร หรือ 45,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.45 ล้านล้านบาทเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณวันที่ 31 มกราคม 2025 ส่วนอันดับที่ 2 ของโลก คือ เอชแอนด์เอ็ม (H&M) จากประเทศสวีเดน มียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 234,500 ล้านโครนอร์ หรือ 25,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 803,200 ล้านบาทเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณวันที่ 30 พฤศจิกายน 2024

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles