เซคคิวริตี้ ไทม์ส (Security Times) ซึ่งเป็นสื่อด้านเศรษฐกิจการเงินการลงทุนของรัฐบาลจีน รายงานว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์แห่งจีนหรือ SAC ได้ดำเนินการชี้แจงให้กับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกทุกแห่งรับทราบว่า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้านักวิเคราะห์ที่สังกัดบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง จะต้องมีบทบาทเกี่ยวกับการวิเคราะห์ หรือตีความนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล จีนในทิศทางบวก ในขณะเดียวกันจะต้องเพิ่มความมั่นอกมั่นใจให้กับนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม หากพบว่านักเศรษฐศาสตร์ หรือนักวิเคราะห์แต่ละคน ที่อยู่ในบริษัทหลักทรัพย์ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่มีต่อชื่อเสียงผ่าน ผ่านการวิเคราะห์ หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมครั้งแล้วครั้งเล่าเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือเป็นสาเหตุให้เกิดผลกระทบทางลบ ผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์จะต้องจัดการอย่างรุนแรง ไปจนถึงกระทั่งการยกเลิกจ้างงาน หรือไล่ออก อย่างไรก็ตามการชี้แจงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดเจนว่าพฤติกรรมหรือ การวิเคราะห์ที่ไม่เหมาะสมหมายถึงอะไรบ้างซึ่งไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในจุดนี้
มาตรการดังกล่าวของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ในจีนส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงการนักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ หรือแม้แต่นักลงทุนในตลาดของจีนว่า คำสั่งดังกล่าวของรัฐบาลจีนคือความพยายามครั้งล่าสุด ที่จะฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน และรีบเร่งฟื้นภาวะเศรษฐกิจของจีน ด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะสร้างผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจจีน แต่นักวิเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์ในจีนล้วนมองตรงกันว่า มาตรการเซ็นเซอร์มุมมองการวิเคราะห์ดังกล่าวนั้น ยิ่งส่งผลให้เกิดความหงุดหงิด และความไม่มั่นใจให้กับสาธารณะโดยเฉพาะนักลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งล้วนทราบกันดีว่า ภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และยังคงมีปัญหาในหลายหลายด้านอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในมาตรการที่จะดำเนินการกับหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเข้าข่ายการกระทำตามขอบเขตที่กำหนดไว้ โดยอยู่ในสังกัดบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์แห่งจีนหรือ SAC นั้น พบว่า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จะถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมประชุม หรือร่วมงานกิจกรรม หรือการนำเสนองานวิเคราะห์ต่อที่สาธารณะ หากไม่ได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากบริษัทหลักทรัพย์ต้นสังกัดที่เป็นพนักงานอยู่ บริษัทหลักทรัพย์ไม่ควรที่จะว่าจ้าง นักวิเคราะห์รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์ที่มีประวัติเกี่ยวกับการละเมิดขอบเขตการวิเคราะห์เศรษฐกิจดังกล่าว สมาคมบริษัทหลักทรัพย์แห่งจีนหรือ SAC อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์ ประเทศจีนหรือซีเอสอาร์ซี