รัฐบาลฝรั่งเศส โดยกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่ากำลังเข้าตรวจสอบ ปัญหาเกี่ยวกับนิสสัน ออโตโมทีฟ ยุโรป ที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสในประเด็นการทำจ่ายเงินตรงตามเวลาหรือไม่ ให้กับบรรดาเครือข่ายซัพพลายเออร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับนิสสัน มอเตอร์ ที่ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ แจ้งไปยังนิสสัน มอเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส ให้ส่งรายงานงบการเงินอย่างละเอียดประจำปี 2024 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 31 ธันวาคม 2024 มาให้กับหน่วยงานที่กำลังเข้าตรวจสอบปัญหาดังกล่าวด้วย
หน่วยงานการกำกับการแข่งขันซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศสเปิดเผยว่าการดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้มีการแจ้งเรื่องไปยังนิสสันออโตโมทิฟมอเตอร์เมื่อสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านไป สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในงานสำคัญของนโยบายในภาพรวมเกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจว่า ธุรกิจในภาคเอกชนที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสได้ดำเนินการจ่ายเงินอย่างตรงตามเวลาให้กับบรรดาผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส
สำหรับการเข้าตรวจสอบที่นิสสัน ออโตโมทิฟ มอเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมองตีนี-เลอ-เบรตอแนซ์ (Montigny-le-Bretonneux) ห่างจากกรุงปารีสราว 25 กิโลเมตรนั้น ได้กำหนดวันที่จะเข้าตรวจสอบปัญหาและเอกสารที่ต้องการจากนิสสันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ โดยมีการแจ้งเป็นจดหมายอย่างทางการให้นิสสัน ออโตโมทีฟ มอเตอร์ ดำเนินการส่งเอกสารให้กับหน่วยงานดังกล่าวล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัทดังกล่าว
ขณะที่ในปัจจุบันนิสสันมอเตอร์ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ประกาศแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ของบริษัทนิสสันทั่วโลก โดยตั้งเป้าหมายการตัดลดค่าใช้จ่ายมากถึง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 108,800 ล้านบาท
กระทรวงเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศสเปิดเผยว่า หากการตรวจสอบและสืบค้นเอกสารและหลักฐานต่างๆพบว่านิสสันออโตโมทีฟ มอเตอร์ กระทำผิดกฎระเบียบในการจ่ายเงินไม่ตรงตามเวลาให้กับบรรดาซัพพลายเออร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนนั้น นิสสันออโตโมทีฟมอเตอร์จะต้องได้รับโทษด้วยการรับเป็นเงินมูลค่าสูง สำหรับประเทศฝรั่งเศสรัฐบาลมีกฎหมาย ระบุอย่างชัดเจนว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องจ่ายเงินให้กับบรรดาซัพพลายเออร์ที่อยู่ในเครือข่ายการผลิตชิ้นส่วนภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่เริ่มมีการออกเอกสารเรียกชำระเงินจากบรรดาซัพพลายเออร์ หากบริษัทใดใดก็ตามไม่ดำเนินการจ่ายเงินภายในตามที่ระยะเวลาที่กฎหมายระบุไว้จะต้องได้รับโทษปรับสูงสุดถึง 2 ล้านยูโร หรือ 2.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 75,520 ล้านบาท
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่าเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมานั้น นิสสันมอเตอร์ ได้ยื่นข้อเสนอให้กับบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ หรือซัพพลายเออร์ที่อยู่ในสหราชอาณาจักร และในสหภาพยุโรป ว่า นิสสันจะจ่ายเงินเป็นจำนวนมากมากขึ้นถ้าหากตกลงยอมรับในเงื่อนไขการจ่ายเงินล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่านิสสัน มอเตอร์ตกอยู่ในสภาวะปัญหาทางการเงิน โดยเฉพาะสภาพกล้องเงินสดในระยะสั้น
รัฐบาลฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ได้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการเข้าตรวจสอบรวมถึงการสืบสวนสอบสวน บริษัทในธุรกิจภาคเอกชนที่มีการจ่ายเงินให้กับซัพพลายเออร์ล่าช้าเกินกว่าที่กฎหมายฝรั่งเศสกำหนดไว้ หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันซึ่งสังกัดกระทรวงเศรษฐกิจฝรั่งเศส เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 นี้ ได้เข้าตรวจสอบบริษัทเอกชนจำนวน 409 แห่ง พบว่าเกือบ 40% หรือ 164 บริษัท ของจำนวนทั้งหมด จ่ายเงินให้กับซัพพลายเออร์ล่าช้าเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ส่งผลให้บริษัทที่ทำผิดกฏหมายดังกล่าวต้องเสียค่าปรับให้กับรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 47 ล้านยูโร หรือกว่า 1,770 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 พบว่าสัดส่วน และจำนวนของบริษัทเอกชนที่ทำผิดกฎหมายด้วยการจ่ายเงินล่าช้าเกินจากที่กฎหมายระบุไว้นั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากถึง 94 บริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 นี้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2024 ได้เข้าตรวจสอบบริษัทเอกชนจำนวน 248 แห่ง พบว่ามี 28% หรือ 70 บริษัท ของจำนวนทั้งหมดจ่ายเงินให้กับซัพพลายเออร์ล่าช้าเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ส่งผลให้บริษัทที่ทำผิดกฏหมายดังกล่าวต้องเสียค่าปรับให้กับรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 30 ล้านยูโร หรือกว่า 1,130 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันเพื่อความเป็นธรรมในประเทศญี่ปุ่น มีชื่อว่า คณะกรรมาธิการการค้าเพื่อความเป็นธรรมแห่งญี่ปุ่น หรือ JFTC เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2024 ว่า นิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่บิ๊กขนาดใหญ่อันดับสามของประเทศญี่ปุ่น ได้ละเมิดกฎหมายธุรกิจซับคอนแทรคเตอร์ หรือการว่าจ้างบรรดาซัพพลายเออร์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการจ่ายเงินน้อยกว่ามูลค่าจริงถึง 3,000 ล้านเยน หรือ 20.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 650 ล้านบาท ให้กับซัพพลายเออร์จำนวน 36 บริษัทในช่วงระยะเวลา 2 ปีตั้งแต่มกราคม ปี 2021
