รัฐบาลเนปาลถอนคำสั่งห้ามและเลิกปิดกันสื่อโซเชียลทั่วประเทศ คนเนปาลรุ่นใหม่วัยเจนซีไม่พอใจปิดสื่อโซเชียล ประท้วงยันปะทะรุนแรง เสียชีวิตกว่า 19 ราย เจ็บเกิน 100 ราย

รัฐบาลเนปาล ถอนคำสั่งห้ามและเลิกปิดกันสื่อโซเชียลทั่วประเทศ คนเนปาลรุ่นใหม่วัยเจนซีไม่พอใจปิดสื่อโซเชียล ประท้วงยันปะทะรุนแรง เสียชีวิตกว่า 19 ราย เจ็บเกิน 100 ราย

นายพรีธวี ซุบบา กูรัง โฆษกรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ เนปาล เปิดเผยว่า รัฐบาลประเทศเนปาลมีมติยกเลิกคำสั่งห้าม และการปิดกั้นสื่อโซเชียลมีเดียทั่วประเทศเนปาล ในขณะนี้ประชาชนชาวเนเปสามารถใช้สื่อโซเชียลได้ตามปกติ หลังจากเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศคำสั่งปิดกั้นสื่อโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ ในขณะที่คำสั่งดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนชาวเนปาล โดยเฉพาะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่และมีจำนวนมากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อยู่ในวัยเจนเนอเรชั่นซี (Z) (คนที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี)

กลุ่มคนรุ่นวัยเจนซี(Z) ในเนปาลได้ชุมนุมชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวง และเมืองใหญ่ทั่วประเทศเนปาล และเกิดการประทะอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้ 8 กันยายน 2025 ส่งผลให้ประชาชนผู้เข้าร่วมประท้วงซึ่งเป็นประชาชนชาวเนปาลในวัยอายุไม่เกิน 25 ปี หรือกลุ่มคนเจนซี (Z) เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รัฐบาลเนปาล เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่าเก้ารายและผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 100 รายจากเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรีเนปาล นายเค.พี. ชาร์มา โอลี กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการแทรกซึมจากกลุ่มคนต่างๆ ที่เห็นแก่ตัว สำหรับผู้เสียชีวิตครอบครัวผู้เสียชีวิตรวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุชุมนุมประท้วงรุนแรงในครั้งนี้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยา รวมถึงจะรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงในการทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงขั้นรุนแรงจนนำไปสู่ผู้เสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากโดยจะใช้เวลาภายใน 15 วัน ผลผลของการสรุปการสืบสวนสอบสวนในครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ซ้ำสองในอนาคต

ด้านผู้จัดการชุมนุมประท้วง ซึ่งเรียกการชุมนุมประท้วงในครั้งนี้ว่า การชุมนุมประท้วงโดยคนรุ่นใหม่เจนซี(Z) เปิดเผยว่าการประท้วงของประชาชนชาว Nepal ที่เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นวงกว้างในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความไม่พอใจอย่างมาก ที่มองว่ารัฐบาลปัจจุบันขาดมาตรการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นในประเทศ และขาดมาตรการในการกระตุ้นโอกาสทางเศรษฐกิจ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 กันยายนผ่านมา รัฐบาลเนปาลประกาศปิดกั้นสื่อโซเชียลมีเดียชื่อดัง ได้แก่ Facebook, Instagram, WhatsApp, YouTube, X, Snapchat, Pinterest รวมถึง Tencent ของจีน เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ของรัฐบาลที่บังคับให้ต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแลภายในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ิมาตรการปิดกั้นดังกล่าวมีขึ้นเพื่อจัดการกับการสร้างบัญชีปลอม การเผยแพร่ข่าวปลอม สร้างความเกลียดชัง และการฉ้อโกงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยยืนยันว่าบริการจะกลับมาได้หากบริษัทต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์

อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่วัยเจนซี (Z) ในเนปาล กลับมองว่าการกระทำของรัฐบาลเป็นการปิดกั้นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะในสังคมที่ประชาชนใช้สื่อโซเชียลเป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร แสดงออก และติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรใช้อินเทอร์เน็ตมากถึง ร้อยละ 90 จากทั้งหมด 30 ล้านคน

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป บราซิล และออสเตรเลีย ต่างเริ่มออกมาตรการควบคุมโซเชียลมีเดียและบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยอ้างเหตุผลด้านการควบคุมข่าวปลอม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัยทางออนไลน์ และความมั่นคงของประเทศ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles