สมาคมผู้ค้าทองคำแห่งประเทศเวียดนาม หรือวีจีทีเอ (The Vietnam Gold Traders Association) เปิดเผยว่า รัฐบาลประเทศเวียดนามได้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการห้ามนำเข้าทองคำแท่งจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาสิงหาคมนี้ ส่งผลให้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งรัฐบาลประเทศเวียดนามประกาศมาตรการห้ามภาคธุรกิจ หรือภาคเอกชนเวียดนามนำเข้าทองคำแท่งเข้ามาในประเทศ
ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามจะอนุญาตให้เฉพาะภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่นำเข้าทองคำมาเพื่อใช้ในการผลิตอัญมณี หรือเครื่องประดับจิวเวลรี่ และนำกลับไปเพื่อการส่งออกเท่านั้น รัฐบาลเวียดนาม เข้าควบคุมการนำเข้าและการจำหน่ายทองคำภายในประเทศนับตั้งแต่ปี 2012 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
รองประธานวีจีทีเอ กล่าวว่า สมาคมได้มีการเจรจาพูดคุยกับรัฐบาลเวียดนาม และธนาคารกลางเวียดนามมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร เพื่อชี้แจงให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญ ในการพิจารณามาตรการดังกล่าวเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลย์ระหว่างความต้องการบริโภคทองคำและปริมาณทองคำภายในประเทศเวียดนาม ซึ่งส่งผลกระทบต่อช่องว่างระหว่างราคาทองคำในตลาดสากลกับราคาทองคำภายในประเทศเวียดนามที่ไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ราคาและความต้องการที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม สมาคมวีจีทีเอ คาดหวังว่ารัฐบาลเวียดนามจะผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวให้มีผลภายในเดือนกรกฎาคมนี้ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชน ในเวียดนามสามารถนำเข้าทองคำแท่งได้โดยตรงหลังจากที่ไม่สามารถดำเนินการได้มาเป็นเวลาถึง 12 ปี
ในสัปดาห์ผ่านไป รัฐบาลเวียดนามได้เปิดให้มีการประมูลทองคำ และอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์จำนวน 4 แห่งภายในประเทศสามารถขายทองคำในตลาดภายในประเทศได้ เพื่อเป้าหมายในการเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายทองคำนั้น พบว่าไม่ประสบความสำเร็จ ยังคงส่งผลให้ราคาทองคำภายในประเทศเวียดนามมีราคาที่สูงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาทองคำในตลาดโลก เนื่องจากต้องมีส่วนต่างราคาพรีเมี่ยมที่สูงเกินความเป็นจริง
สมาคมค้าผู้ทองคำแห่งประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2024 นี้ จะมีปริมาณการซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นเป็น 33 เมตริกตัน เวียดนามเป็น 1 ใน 10 ประเทศชั้นนำที่บริโภคทองคำอยู่ในอันดับต้นๆ เนื่องจากประชาชนชาวเวียดนามมีความนิยมในการซื้อขายทองคำมาเก็บสะสมไว้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยงของ สภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ รายได้จากดอกเบี้ยในการฝากเงินในธนาคารลดต่ำลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีการปรับลดลงอย่างรุนแรง ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนามที่ซบเซา รวมถึงค่าเงินด่องเวียดนามเมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง