นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวยอมรับว่าไม่สามารถประชุมคณะกรรมการค่าจ้างในวันนี้ได้ ซึ่งย่อมมีผลทำให้ไม่สามารถดำเนินการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาททั่วประเทศได้ทันในวันที่ 1 ต.ค. 67 นี้ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยเหนี่ยวรั้งดึงเวลา เพราะไม่สามารถบังคับหรือกดดันได้ เพราะกฎเกณฑ์บอกแล้วว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเรื่องของคณะกรรมการค่าจ้างไม่ได้ โดยล่าสุดนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มีหนังสือไปขอความชัดเจนจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่อกรณีที่หนึ่งในกรรมการค่าจ้าง ซึ่งเป็นตัวแทนจาก ธปท. นั้นได้เกษียณอายุไปแล้วเกือบ 1 ปี ว่า ธปท. จะมีข้อสรุปในประเด็นนี้อย่างไร เพื่อที่คณะกรรมการค่าจ้าง จะได้เดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างคนปัจจุบัน กำลังจะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จึงมีความจำเป็นต้องรอปลัดกระทรวงฯ คนใหม่มาพิจารณา
สำหรับคณะกรรมการค่าจ้าง จะต้องประกอบด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายราชการ ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายละ 5 คน รวม 15 คน ซึ่งฝ่ายราชการ ประกอบด้วย กระทรวงแรงงาน 2 คน และหน่วยงานภายนอก ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งต้องใช้เสียงโหวต 2 ใน 3 จึงจะสามารถลงมติได้ ดังนั้น เมื่อการประชุมในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ไม่สามารถเปิดประชุมได้ ผมก็ต้องขออภัย ที่ไม่สามารถทำตามที่สัญญาไว้ได้ว่าจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศวันที่ 1 ต.ค.นี้ได้ ผมยืนยันว่า จะเดินหน้าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ถึงแม้ว่ารัฐบาลท่านนายกฯ แพรทองธาร ชินวัตร จะไม่ได้ประกาศเป็นนโยบาย เพราะตระหนักดีถึงความลำบากของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ไม่อยากเห็นการกดค่าจ้างให้ต่ำเกินไป ในขณะที่ค่าครองชีพกำลังพุ่งสูง ซึ่งเป็นเวลา 12 ปีแล้ว หลังจากมีการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศ นัตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ค่าจ้างยังขึ้นรวมกันไม่ถึง 100 บาท หรือขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละ 8 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะให้นายไพโรจน์ ประสานไปยังผู้แทนของ ธปท. หากตอบรับจะมาประชุม เราก็จะจัดประชุมภายในสัปดาห์นี้ การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างถือเป็นการประชุมที่สำคัญที่สุด เราจะขอให้มีองค์ประชุมที่ครบ ที่สำคัญกว่านั้นคือหากสัปดาห์นี้ยังไม่ชัดเจนก็จะมีโอกาสจัดประชุมอีกครั้งคือวันที่ 30 ก.ย. 67 จะพยายามจัดประชุมให้เสร็จก่อนที่นายไพโรจน์จะเกษียณ