เจเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสมาชิกเป็นเกษตรกรในภาคเกษตรกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ราคาข้าวที่ขายในร้านอาหารภายในประเทศญี่ปุ่นมีราคาแพงสูงขึ้นระหว่าง 30 ถึง 40% นับตั้งแต่สิ้นปีนี้จนมาถึงปัจจุบัน สาเหตุมาจากบรรดาธุรกิจร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่นล้วนซื้อข้าวเข้ามาเก็บในสต๊อกเป็นจำนวนมาก ด้วยความกังวลว่าสถานการณ์การขาดแคนข้าวภายในประเทศญี่ปุ่นอาจจะยืดเยื้อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ทำให้ในบางเดือนที่ผ่านมา มีนักท่องต่างชาติเข้าประเทศญี่ปุ่นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมจากต่างประเทศเดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่นมีจำนวนมากมากกว่า 24.5 ล้านคนนับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงสิ้นสุดเดือนสิงหาคมผ่านมา เพิ่มขึ้น 58% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 และเติบโตมากถึง 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จะเกิดโรควิกฤตการณ์โควิด-19
ข้าวบางชนิดที่นิยมใช้ในร้านอาหารภายในประเทศญี่ปุ่น พบว่ามีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 เยนต่อ 60 กิโลกรัม หรือราว 104 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับราคาในสิ้นปีผ่านมา สอดรับกับข้าวชนิดอื่นๆ ที่มักจะใช้เตรียมในการทำอาหารและร้านอาหารของญี่ปุ่น มีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 38% อยู่ที่ 16,500 เยนต่อ 60 กิโลกรัม หรือ 3,630 บาทต่อ 60 กิโลกรัม
กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจจะซื้อข้าวในประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วน 40% ในขณะที่เหลืออีก 60% จะเป็นการซื้อข้าวโดยครัวเรือนในประเทศญี่ปุ่น สถานการณ์ราคาข้าวที่ซื้อโดยภาคเอกชนโดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารในญี่ปุ่นที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นนั้นยังเกิดขึ้นกับราคาข้าวที่ครัวเรือนญี่ปุ่นทั่วไปซื้อหามาบริโภคมีราคาเพิ่มขึ้น 10 ถึง 30% เมื่อเทียบกับสิ้นปีผ่านมา จากข้อมูลเป็นสถิติย้อนหลังที่ผ่านมา จะพบว่า ราคาข้าวที่ซื้อโดยภาคเอกชนจะมีราคาพุ่งสูงกว่าราคาข้าวที่ซื้อโดยครัวเรือนในญี่ปุ่น
สำหรับปัจจัยที่กดดันให้ราคาข้าวขายให้กับเอกชนและครัวเรือนในประเทศญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้นในปีนี้ เป็นผลมาจากสภาวะอากาศแปรปรวน และเกิดคลื่นความร้อนสูงส่งผลให้ผลผลิตการปลูกข้าวในประเทศญี่ปุ่นลดต่ำลงกว่าที่ประเมินไว้ นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากมายถึงกว่า 25.4 ล้านคน และในบางเดือนทำลายสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายเดือนเกิดขึ้นด้วย ซึ่งทำให้สัดส่วนการบริโภคข้าวของชาวต่างประเทศในประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
ฮิเดะ ฮิดากะ ซึ่งเป็นธุรกิจเครือข่ายร้านอาหารมีชื่อว่าฮิดาคาย่าในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทยินดีที่จะจ่ายซื้อข้าวในราคาที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวรายเดือนในช่วงเวลาอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องการให้เกิดความมั่นใจในการมีสต๊อกข้าวเป็นจำนวนมากพอ สอดคล้องกับร้านอาหารชื่อดัง ออริจิน โตชู ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารที่ขายอาหารในลักษณะข้าวกล่องมีชื่อเสียงเรียกว่าออริจิน เบนโตะ ชอป คาดการณ์ว่าราคาข้าวที่ธุรกิจร้านอาหารซื้อภายในประเทศจะมีมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องในปีงบประมาณต่อไป ดังนั้นธุรกิจร้านอาหารในญี่ปุ่นจึงไม่มีทางเลือกที่จำเป็นจะต้องขึ้นราคาขายอาหารรวมถึงเมนูสำคัญต่างๆที่ใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบอย่างน้อยอีก 15% จากราคาขายในปัจจุบัน
ขณะที่ในประเทศไทยสถานการณ์ราคาข้าวที่ขายภายในประเทศมีราคาขยับเพิ่มขึ้นข้อมูลจากสมาคมโรงสีข้าว พบว่าราคาข้าวสารคัดขายภายในประเทศ โดยเฉพาะราคาข้าวขาว 5% เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมามีราคาขายที่ 2,300 บาทต่อ 100 กิโลกรัม มีราคาเพิ่มขึ้นราว 9.5% เมื่อเทียบกับราคาข้าวชนิดเดียวกันในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาซึ่งในเวลานั้นมีราคาขายอยู่ที่ 2,100 บาท ต่อ 100 กิโลกรัม
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามานับตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นสุดเดือนสิงหาคมหรือในแปดเดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 23.5 ล้านคน