นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก พบว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวในระดับสูงจากความกังวลด้านอุปทานในตะวันออกกลางหลังสถานการณ์ความขัดแย้งยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแดงอีกครั้ง ขณะที่ด้านการสู้รบในฉนวนกาซาที่อิสราเอลยื่นคำขาดให้ฮามาสปล่อยตัวประกันภายใน วันที่ 10 มีนาคม 2567
อย่างไรก็ตาม ให้จับตาโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งล่าสุดหัวหน้าของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency IAEA) กล่าวว่า อิหร่านยังคงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเกินความจำเป็นในการใช้นิวเคลียร์เชิงพาณิชย์แม้ว่าสหประชาชาติจะกดดันให้หยุดก็ตาม
นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (ระหว่างวันที่ 12–18 กุมภาพันธ์ 2567) ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 81.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 77.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ขึ้นจากระดับ 2.6% มาอยู่ที่ระดับ 2.7% หลังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม OPEC ยังคงคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2567 ที่ระดับ 2.25 ล้านบาร์เรล/วัน
สำหรับสถานการณ์ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย พบว่า ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 101.81 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 109.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายวีรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.30 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 36.17 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.87 บาทต่อลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.72 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 2.31 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม 29,335 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 119,217 ล้านบาท ฐานะกองทุนฯ สุทธิติดลบ 89,882 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 43,275 ล้านบาท บัญชี LPG 46,607 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สนพ. จะติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ราคาสะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน