บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในคืนผ่านมา 4 มีนาคม 2025 โดยเฉพาะในช่วง 30 นาทีแรกของการเปิดซื้อขาย ปรากฏว่านักลงทุนแห่กระหน่ำเทขายหุ้นทุกตัว และทุกกลุ่มทั้งหมด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดำดิ่งมากกว่า 2% ทำให้มูลค่าของบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 แห่งแรกในสหรัฐ ที่จดทะเบียนในดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เสียหายไปถึง 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 115.6 ล้านล้านบาทในรอบ 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47
หลังจากนั้นดัชนีหุ้นดังกล่าวฟื้นตัวขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ในที่สุดปิดตลาดไปที่ ระดับ 5,778 จุด -71 จุด หรือ -1.22% ทรุดลง 2 วันติดกันรวม -175 จุด หรือ -2.98% จึงส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดติดลบนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ที่สำคัญ เป็นดัชนีหุ้นที่ปิดลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2024 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นเพียง 1 วันก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,520 จุด -670 จุด หรือ -1.55% ดำดิ่ง 2 วันติดกันรวม -1,319 จุด หรือ -3.03% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,778 จุด -71 จุด หรือ -1.22% ทรุดลง 2 วันติดกันรวม -175 จุด หรือ -2.98% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,285 จุด -65 จุด หรือ -0.35% ร่วงหนัก 2 วันติดกันรวม -562 จุด หรือ -2.99% ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดติดลบนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงกลับไปเสมอตัวนับตั้งแต่ต้นปีนี้
นอกจากนี้ตลาดเงินบิทคอยน์ถูกเทขายอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินบิตคอยน์ในช่วงเวลาหนึ่งมีราคาลดลงต่ำกว่า 83,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,822,000 บาทต่อบิทคอยน์ ส่งผลให้ค่าเงินบิทคอยน์ดำดิ่งลงมากถึง -23% เมื่อเทียบกับสถิติเงินบิทคอยน์ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นั่นหมายถึงทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเงินบิทคอยน์กลับกลายการศูนย์นับนับตั้งแต่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 เป็นต้นมา
