วิจัยกรุงไทย ชี้ปี 68 ราคาข้าวไทยดิ่งต่ำสุดรอบ 15 ปี คาดแนวโน้มปี 69 ยังเป็นขาลงต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ระบุว่าอุตสาหกรรมข้าวไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวน ต้นทุนการผลิตที่สูง ตลอดจนการแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง พันธุ์ข้าวที่ไม่ตรงตามความต้องการของตลาดโลก และล่าสุดคือการกลับมาทำตลาดข้าวอีกครั้งของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างอินเดีย ซึ่งปัจจัยทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในเวทีโลก

ราคาส่งออกข้าวขาวไทยต่ำสุดในรอบ 15 ปี โดยราคาส่งออกข้าวขาว 5% เฉลี่ยของไทย ณ ต.ค. 68 อยู่ที่ 356 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน หรือลดลง -31%YoY ขณะที่ปริมาณส่งออกข้าวไทยสะสมตั้งแต่ ม.ค.-ต.ค.68 อยู่ที่ราว 6.4 ล้านตัน ลดลง -24%YoY จากการแข่งขันในตลาดส่งออกที่รุนแรง หลังจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง

ทั้งนี้ หากอินเดียระบายสต๊อกข้าว 20 ล้านตัน ช่วง ก.ย.68-ส.ค. 69 โดยทยอยระบายต่อเนื่องเฉลี่ย 1.6 ล้านตัน/เดือน (กรณี Base Case) ประเมินว่าปริมาณส่งออกข้าวไทยปีหน้าจะอยู่ที่ 7.0 ล้านตัน ลดลง -30% จากปี 67 ส่วนราคาเฉลี่ยส่งออกข้าวขาวไทย 5% จะอยู่ที่ 345-380 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ขณะเดียวกัน การส่งออกข้าวของไทยยังมีปัจจัยซ้ำเติมจากความต้องการนำเข้าข้าวของคู่ค้าลดลง เงินบาทแข็งค่า รวมถึงสหรัฐกดดันให้คู่ค้าเปิดเสรีนำเข้าข้าวเพิ่มความเสี่ยงไทยถูกแย่งตลาด อีกทั้งข้าวไทยกำลังเสียเปรียบเวียดนามในการมุ่งสู่ตลาดข้าว Low-Emission รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าคู่แข่ง

อุตสาหกรรมข้าวไทยอยู่ในช่วงขาลงชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายปี 67 โดยหากพิจารณาด้านราคา พบว่า ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ซึ่งเป็นข้าวส่งออกหลักของไทยมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 67 เป็นต้นมา เนื่องจากต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออกรุนแรงขึ้น หลังจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่กลับมาทำตลาดส่งออกข้าวอีกครั้งตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 67 จากที่ก่อนหน้ามีนโยบายจำกัดการส่งออก

โดยราคาส่งออกข้าวขาว 5% เฉลี่ยของไทย ณ เดือน ต.ค. 68 อยู่ที่ราว 356 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน หรือลดลง -31%YoY และเป็นระดับราคาส่งออกที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราคาส่งออกข้าวขาว 5% ในปี 60-66 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่อินเดียจะจำกัดการส่งออกข้าวซึ่งอยู่ที่ราว 418 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ส่วนราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของประเทศคู่แข่งอย่างอินเดีย และเวียดนาม ก็ปรับลดลงแรงเช่นกัน โดยมีราคาอยู่ที่ราว 360-366 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน

อย่างไรก็ดี การกลับมาทำตลาดส่งออกข้าวของอินเดีย ส่งผลกระทบทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวไทยหดตัวชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 68 หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วง ม.ค.-ต.ค. 68 ปริมาณการส่งออกข้าวของไทยอยู่ที่ราว 6.4 ล้านตัน ลดลง -24%YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปริมาณการส่งออกข้าวในเดือน ม.ค.-ต.ค. ตั้งแต่ปี 60-67 ที่อยู่ที่ราว 6.9 ล้านตัน โดยเฉพาะข้าวขาวซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ปริมาณการส่งออกปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง -41%YoY

Krungthai COMPASS มองว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมข้าวในปี 68-69 จะอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อรายได้ และกำไรของผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมนี้อย่างธุรกิจโรงสีข้าว และผู้ส่งออกข้าว นอกจากนี้ ทิศทางราคาข้าวที่มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องในปีหน้า ยังสร้างความเสี่ยงขาดทุนสต๊อก ภายใต้แรงกดดันจาก 6 ความท้าทาย ได้แก่ ความท้าทายจากการระบายสต๊อกข้าวของอินเดีย ,ความท้าทายจากความต้องการนำเข้าข้าวของคู่ค้าที่ลดลง,ความท้าทายจากสหรัฐฯ เร่งเจรจาคู่ค้าเปิดเสรีข้าว เพิ่มความเสี่ยงไทยถูกแย่งตลาด ,ความท้าทายจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า ,ความท้าทายจากข้าวไทยกำลังเสียเปรียบเวียดนามในการปรับตัวไปสู่ตลาด Low Emission Rice ซึ่งกระทบโอกาสในการขยายตลาดข้าวพรีเมียม และความท้าทายจากปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างผลผลิตต่อไร่ของข้าวไทย ที่ยังต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง กดดันความสามารถในการแข่งขันด้านราคาจากต้นทุนที่ยังคงสูงกว่าโดยเปรียบเทียบ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles