วิจัยกสิกรไทยย้ำเศรษฐกิจไทยปี 68 คาดโตแค่ 1.4% เตรียมรับแรงกระแทกครึ่งปีหลัง ส่งออกดิ่ง -10% ต่างชาติหลุดเป้าไม่ถึง 35 ล้านคน เอกชนเมินลงทุนฉุดติดลบ 2 ปีติด

วิจัยกสิกรไทย ย้ำ เศรษฐกิจ ไทยปี 68 คาดโตแค่ 1.4% เตรียมรับแรงกระแทกครึ่งปีหลัง ส่งออกดิ่ง -10% ต่างชาติหลุดเป้าไม่ถึง 35 ล้านคน เอกชนเมินลงทุนฉุดติดลบ 2 ปีติด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ กนง. มีการปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 มาอยู่ที่ 2.3% จากเดิม 2.0% เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่ประเมินในครึ่งปีแรกจากภาคการผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า อย่างไรก็ดี กนง. มองเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในระยะถัดไปจากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในประเทศ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะหดตัวที่ -2.9% ภายใต้สมมติฐานไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ (reciprocal tariff) ที่ 18% นอกจากนึ้ กนง. มีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้มาอยู่ที่ 35 ล้านคน แม้ยังคงคาดว่ารายรับนักท่องเที่ยวจะยังขยายตัวได้จากค่าใช้จ่ายต่อหัวที่มองปรับเพิ่มขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ 1.4% จากความเสี่ยงที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยมองการส่งออกครึ่งหลังของปีหดตัวลึกราว -10% เนื่องจากมีการเร่งส่งออกสูงในช่วงที่ผ่านมา โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี การส่งออกไทยขยายตัวถึง 14.9% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ในขณะที่ หลังการชะลอปรับขึ้นภาษี Reciprocal tariff สิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค. ยังมีความเสี่ยงทื่ไทยจะยังไม่บรรลุข้อตกลงทางการค้าและอัตราภาษีที่ 36% ยังมีความเป็นไปได้อยู่

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยต่ำกว่า 35 ล้านคน เนื่องจากปัจจัยลบมีมากขึ้นจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมา สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยลดลงไปสู่ 32.4 ล้านคน ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์

การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะยังเห็นภาพติดลบเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากประเด็นนโยบายการค้า รวมถึงเสถียรภาพการเมืองในประเทศ ซึ่งคงกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ และส่งผลให้ผู้ประกอบการมีแนวโน้มชะลอการตัดสินใจลงทุนออกไป

เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังมีความเสี่ยงจะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค จากการส่งออกและท่องเที่ยวที่อ่อนแรงลง ในขณะที่เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลดลงจากปีที่แล้ว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles