สนพ.เผย 9 เดือนของปี 2567 การใช้ไฟฟ้าในสาขาธุรกิจเพิ่มขึ้น 7.5% จากธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าหนุน คาดแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานทั้งปี เพิ่มขึ้น 0.3% ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากรายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ของ สศช. ขยายตัวร้อยละ 3.0 ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1 และ 2 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.6 และ 2.2 ตามลำดับ รวม 9 เดือนแรกของปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.3 โดยมีปัจจัยหลักจากการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนที่ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขยายตัวร้อยละ 5.0 การอุปโภคภาครัฐบาลขยายตัวร้อยละ 1.6 ส่วนการลงทุนภาครัฐกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงร้อยละ 1.4

สำหรับ สถานการณ์พลังงานในช่วง 9 เดือนของปี 2567 (เดือนมกราคม – กันยายน 2567) พบว่า การใช้พลังงานขั้นต้นอยู่ที่ 2,030 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 โดยลดลงในส่วนของการใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ที่ปรับตัวลดลง จากการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ในขณะที่การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 การใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำ/ไฟฟ้านำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 จากไฟฟ้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น

ส่วนการใช้ไฟฟ้า ช่วง 9 เดือนของปี 2567 รวมทั้งสิ้น 163,311 กิกะวัตต์ชั่วโมงเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 โดยการใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ร้อยละ 41 อยู่ในภาคอุตสาหกรรม มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมอาหาร เหล็กและโลหะพื้นฐาน อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติก ที่มีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 1.6 10.5 และ 3.4 ตามลำดับ ในส่วนการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อน ส่งผลให้มีความต้องการไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศเพื่อทำความเย็นเพิ่มขึ้น และการใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ไฟฟ้าในโรงแรมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 สอดคล้องกับอัตราการเข้าพักแรมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 71 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 68 ส่วนการใช้ไฟฟ้าของอะพาร์ตเมนต์และเกสต์เฮาส์ ห้างสรรพสินค้า ขายปลีก และขายส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 5.6 7.6 และ 5.1 ตามลำดับ

ในส่วนของการคาดการแนวโน้มพลังงานของปี 2567 นายวัฒนพงษ์ฯ กล่าวว่า สนพ. ได้จัดทำแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานของประเทศปี 2567 โดยพิจารณาสมมติฐานสำหรับการประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ สถานการณ์พลังงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ (GDP) ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ ปี 2567 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.6 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่อง การขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งการขยายตัวของการส่งออกตามการฟื้นตัวของภาคการค้าระหว่างประเทศ สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้คาดการณ์ความต้องการพลังงานขั้นต้นของปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2,013 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งไฟฟ้านำเข้า การใช้น้ำมัน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 821 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากการใช้น้ำมันเครื่องบินตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและการท่องเที่ยวภายในประเทศ การใช้ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 860 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 โดยเพิ่มขึ้นจากการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 260 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงร้อยละ 10.0 จากการลดลงของการใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ในภาคอุตสาหกรรม และการใช้ลิกไนต์ในการผลิตไฟฟ้า และคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 216,087 ล้านหน่วย (GWh) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับปี 2566 สอดคล้องกับการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงต้นปีจากภาวะเอลนีโญ รวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการขยายตัวของภาคการส่งออก ส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในทุกสาขาเศรษฐกิจโดยเฉพาะสาขาธุรกิจและการใช้ไฟฟ้าในบ้านอยู่อาศัยที่มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก สนพ. จะยังคง ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมทั้งราคาพลังงานอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนจัดหาพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles