รัฐบาลลาวและผู้แทนสหประชาชาติประชุมกันที่เวียงจันทน์เพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการสําเร็จการศึกษาของลาวจากสถานะประเทศที่พัฒนาแล้วน้อยที่สุด (LDC) ภายในปี 2026
นายทองสะหวัน พมวิหาน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว และนายราบับ ฟาติมา รองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ร่วมแถลงเปิดเผยว่า ประเทศสปป.ลาว ผ่านเกณฑ์การประเมินพ้นจากสถานะประเทศพัฒนาน้อยที่สุด หรือ Least Developing Country หรือแอลดีซี โดยผ่านการพิจารณาเข้ากฎเกณฑ์เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในปี 2024 ผ่านไป ส่งผลให้ประเทศสปป.ลาว จะหลุดพ้นจากสถานะประเทศกำลังพัฒนาน้อยที่สุดภายในปี 2026
ลําดับความสําคัญที่ประเทศ สปป.ลาว สามารถพัฒนาได้ถึงเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ และการส่งเสริมการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการพึ่งพาตนเอง
สำหรับในกลุ่มอาเซียน พบว่ามี 4 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มบัน ยูเอ็นจัดประเทศที่กำลังพัฒนาน้อยที่สุด หรือแอลดีซี คือ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา และติมอร์-เลสเต้ ดังนั้น ภายในปี 2016 ประเทศสปป.ลาว จะกลายเป็นประเทศแรกใน 4 ประเทศดังกล่าวที่หลุดพ้นออกจากสถานะประเทศที่กำลังพัฒนาน้อยที่สุด หรือแอลดีซี
องค์การสหประชาชาติกำหนดเกณฑ์มาตรฐานในการจัดประเทศให้อยู่ในกลุ่มแอลดีซี เช่น ด้านรายได้ กำหนดการประเมินจากรายได้ประชาชนต่อหัว (Gross National Income) หรือ GNI ในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐช่วง 3 ปีติดต่อกัน หากรายได้ดังกล่าวเท่ากับหรือน้อยกว่า 1,088 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36,450 บาท จัดเป็นประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาน้อยที่สุด แต่หากสูงกว่า 1,306 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 43,750 บาท จะพ้นจากสถานะดังกล่าว นอกจากนี้ ยูเอ็นจะทำการประเมินสถานะของประเทศในกลุ่มแอลดีซีทุกๆ 3 ปี
ปัจจุบันยูเอ็นจัดประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด หรือแอลดีซี มีทั้งหมด 44 ประเทศกระจายในแต่ละภูมิภาคของโลก ประกอบด้วย แอฟริกา 32 ประเทศ เอเชีย 8 ประเทศ (รวม สปป.ลาว) แคริบเบียน 1 ประเทศ และแปซิฟิก 3 ประเทศ ในเอเชียนั้น ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เนปาล ติมอร์-เลสเต้ และเยเมน ในปี 2024 มี 1 ประเทศที่พ้นจากกลุ่มประเทศแอลดีซี คือ เซาตูเมและปรินซิปี อยู่ในแอฟริกากลาง