นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และแนวโน้มปี 2567 ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ขยายตัว 2.3% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 1.6% ในไตรมาสแรกของปี 2567 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี 2567 ที่ 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รวมครึ่งแรกของปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.9%
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ขยายตัว 2.3% มาจากการผลิตภาคนอกเกษตรขยายตัวจากกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่บริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวชะลอลงและภาคเกษตรลดลงต่อเนื่อง ส่วนการใช้จ่ายขั้นสุดท้ายรัฐบาล และการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว ขณะที่การอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนชะลอลง และการลงทุนลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการลงทุนลดลงของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างอาคารพาณิชย์เป็นสำคัญ โดยการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมากจากการเข้มงวดของธนาคารในการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มากขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัยมียอดขายลดลง ขณะที่การก่อสร้างโรงงานยังขยายตัวต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัว 2.3–2.8% (ค่ากลางการประมาณการ 2.5%) ซึ่งเท่ากับการแถลงแนวโน้มเศรษฐกิจครั้งก่อน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 แต่มีปรับกรอบให้แคบลงจาก 2.0–3.0% ในครั้งก่อน โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะโตไม่ต่ำกว่า 2.3% แน่นอน และหากช่วงที่เหลือของปีมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มเติม ก็เชื่อว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 2.5%
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 4.5% และ 0.3% ตามลำดับ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 2.0% อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วง 0.4–0.9% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.3% ของจีดีพี