จากรณีรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนขึ้น 4 เท่าเป็น 100% ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ (27 ก.ย.) และปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าอื่นๆ ของจีนอีกหลายรายการในภาคส่วนที่ถูกมองว่ามีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ อาทิ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์
โดยการปรับขึ้นภาษีอย่างมากของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่จีนจะออกมาตรการตอบโต้ โดยอัตราภาษีผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าและอะลูมิเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากก่อนหน้านี้ที่ 0-7.5% ขณะที่ภาษีแผงโซลาร์เซลล์และเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 50%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวได้รับการประกาศออกมาครั้งแรกโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อเดือน พ.ค. หรือ ราว 2 เดือนก่อนที่เขาจะถอนตัวจากศึกเลือกตั้ง ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างดุเดือดกับอดีตประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ นานาประเทศในฝั่งตะวันตกหลายแห่งก็ได้ยกระดับการกดดันจีน โดยวิพากษ์วิจารณ์ว่าการผลิตที่มากเกินความจำเป็นอาจส่งผลเสียต่อราคาในตลาดโลก และส่งผลกระทบต่อแรงงานในประเทศ