กระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย แถลงว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความตื่นตัวสูงหลังจากตรวจพบเชื้อไวรัสนีปาห์ (Nipah) ที่กำลังแพร่ระบาด ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่อันตรายเชื้อหนึ่งที่แพร่กระจายในป่า โดยมีความเชื่อว่าค้างคาวผลไม้เป็นพาหะในการนำเชื้อไวรัสดังกล่าว ความรุนแรงของเชื้อไวรัสนีปาห์ทำให้ผู้ติดเชื้อมีโอกาสถึงเสียขีวิตได้ จากการที่เชื้อไวรัสนี้จะทำให้เกิดไข้ในสมอง ส่งผลให้เนื้อสมองบวมจนเสียชีวิต
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคมผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย แถลงว่า พบเด็กชายอายุ 14 ปี ติดเชื้อไวรัสนีปาห์ และเสียชีวิตในสุดสัปดาห์ผ่านมาที่เมืองมาเลปปูรัม (Malappuram) ซึ่งอยู่ห่างราว 220 ไมล์จากเมืองหลวงธิรุวานันทพุราม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ มีการระบุกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะรับเชื้อไวรัสนีปาห์จำนวน 60 คน ที่ต้องถูกกักตัวเพื่อติดตามดูอาการจากทั้งหมด 214 คนที่ถูกพิจารณาว่าเป็นกลุ่มคนที่มีการสัมผัสชุดแรกกับเด็กชายอายุ 14 ปีที่เสียชีวิต
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2023 กระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย ได้ประกาศคำสั่งปิดสถานศึกษา สำนักงาน สถานที่ราชการ สถานที่ประกอบศาสนกิจทางศาสนา บริการขนส่งมวลชน ที่ตั้งอยู่ในเมืองต่างๆทางตอนใต้ของรัฐเกรละตลอดทั้งสัปดาห์ในช่วงเวลานั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะได้เริ่มปฏิบัติการตรวจหา และสอบสวนแหล่งระบาดเชื้อไวรัสนีปาห์ (Nipah) เพื่อที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวที่คร่าชีวิตผู้ติดเชื้อไปแล้วอย่างน้อย 2 ราย ซึ่งเชื้อไวรัสนีปาห์จัดว่าเข้าข่ายสถานะการระบาดในพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐเกรละ ส่งผลให้เป็นการระบาดของเชื้อไวรัสร้ายแรงครั้งที่ 4 ในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐเกรละระดมกำลังออกเก็บสารของเหลวตัวอย่างจากค้างคาว และผลไม้บนต้นไม้หลายชนิดที่เมือง Maruthonkara ในรัฐเกรละ ซึ่งพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสนีปาห์เป็นรายแรกของเมือง และของประเทศอินเดีย เพื่อทำการสอบสวนและพิสูจน์ยืนยันแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสนีปาห์ ซึ่งมีความกังวลว่าจะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อไวนัสนีปาห์ ในปี 2018 พบว่า การตรวจหาเชื้อจากตัวอย่างของผลไม้ในเมือง Maruthonkara ในรัฐเกรละ มีผลตรวจเป็นบวก นั่นหมายถึงเป็นเชื้อไวรัสนีปาห์
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า เมื่อปี 2001 พบการระบาดของไวรัสนีปาห์ในประเทศอินเดีย และอีก 2 ครั้งที่พบการระบาดในประเทศบังคลาเทศ ทำให้ประชาชนเสียชีวิต 62 รายจากผู้ติดเชื้อไวรัสนีปาห์ 91 ราย หรือคิดเป็น 68% ที่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสดังกล่าว ต่อมาในปี 2018 พบการระบาดในรัฐเกรละ อินเดีย ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 21 ราย
สำหรับเชื้อไวรัสนีปาห์ได้รับการค้นพบครั้งแรกในปี 1998 หรือเมื่อ 25 ปีผ่านมา โดยตรวจพบในตัวเกษตรเลี้ยงหมูมีชีวิตในประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในการระบาดครั้งแรกดังกล่าวทำให้ประชาชนในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เสียชีวิตไปรวมกันมากกว่า 100 ราย และมีประชาชนติดเชื้อใน 2 ประเทศรวมกันกว่า 300 ราย นับตั้งแต่นั้น เชื้อไวรัสนีปาห์เข้าสู่สถานะโรคระบาด หรือ Pandemic ทำให้ประชาชนเสียชีวิตราว 72-86% ของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสนีปาห์
เชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อได้จากสัตว์สู่มนุษย์โดยตรงผ่านการสัมผัสของเหลวของค้างคาว และสุกร ในปัจจุบัน ยังไม่วัคซีนที่สามารถป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อไวรัสนีปาห์ ที่สำคัญ อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสนีปาห์มีมากถึง 70% หากพบผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ปฏิบัติได้ดีที่สุด คือ การดูแลอย่างใกล้ชิดและติดตามลักษณะอาการอย่างใกล้ชิด
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า สำหรับอาการของผู้ติดเชื้อไวรัสนีปาห์ ได้แก่ จะมีไข้เกิดขึ้น การหายใจติดขัดและลำบาก มีอาการปวดหัว มีอาการอาเจียน นอกจากนี้ โรคไข้สมองอักเสบ และโรคลมชัก จะสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสนีปาห์มีอาการรุนแรงมาก จนในที่สุดนำไปสู่อาการขั้นตรีทูต หรืออาการโคม่า องค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อไวรัสนีปาห์อยู่ในกลุ่มบัญชีเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคที่มีศักยภาพในการเกิดโรคระบาด นอกจากนี้ สถิติการติดเชื้อไวรัสนีปาห์ พบว่า มีการรายงานประชาชนติดเชื้อมากกว่า 600 รายในช่วงระหว่างปี 1998 ถึงปี 2015