สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินที่บินระยะระยะไกลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี เปิดเผยว่า ได้ติดตั้งอุปกรณ์เคลื่อนที่นำวิถีเพื่อช่วยค้นหาสภาวะหลุมอากาศที่เกิดขึ้นจากกระแสลมแปรปรวนให้กับฝูงบินของสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส จำนวนจำนวน 140 ลำ ระบบและอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นการพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดซึ่งผลิตโดยบริษัทดอยชท์ ลุฟท์ฮันซ่า เอจี จากประเทศเยอรมนี
นอกจากนี้ สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ยังได้เข้าร่วมกับองค์การขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือไอเอทีเอ ในการส่งต่อและแบ่งปันข้อมูลผ่านระบบแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นข้อมูลช่วยให้บรรดากัปตันหรือนักบินประกอบการตัดสินใจทำการบินหลีกเลี่ยงสภาวะหลุมอากาศ
สำหรับระบบตรวจการและนำวิถีเพื่อตรวจจับสภาวะหลุมอากาศดังกล่าวนั้นเป็นทั้งอุปกรณ์และโปรแกรมซอฟต์แวร์ ด้วยหลักการการทำงานคือเมื่อโปรแกรมดังกล่าวตรวจพบเจอสภาวะหลุมอากาศที่เกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินทำการบินอยู่นั้นจะรีบส่งสัญญาณและ รายงานข้อมูลจุดที่เกิดหลุมอากาศผ่านแพลตฟอร์มไปให้กับสายการบินที่เข้าร่วมในแพลตฟอร์มนี้ ด้านผู้ผลิตเครื่องบินเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โบอิ้งจากสหรัฐอเมริกา และแอร์บัสจากฝรั่งเศส เปิดเผยว่า เครื่องบินละไมที่สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ใช้ทำการบินนั้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ์และโปรแกรมซอฟต์แวร์ดังกล่าวในรุ่นโบอิ้งรุ่น 787 ดรีมไลน์เนอร์ และแอร์บัสรุ่น เอสอี A350
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมผ่านมา สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ แถลงเปิดเผยว่า เที่ยวบินที่ QR 107 ซึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องบินยี่ห้อโบอิ้งรุ่น 787 ดรีมไลน์เนอร์ ได้ออกเดินทางจากสนามบินโดฮา มุ่งหน้าไปยังปลายทางที่สนามบินกรุงดับบลิน ประเทศไอร์แลนด์ ได้ประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศเหนือน่านฟ้าประเทศทูร์เคีย หรือชื่อเดิมประเทศตุรกี อย่างไรก็ตามกัปตันสามารถนำเที่ยวบินดังกล่าวลงจอดอย่างปลอดภัยที่สนามบินนานาชาติดับบลินในประเทศไอร์แลนด์ อุบัติเหตุดังกล่าวส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 12 ราย ประกอบด้วยผู้โดยสาร 6 รายและลูกเรือ 6 ราย
ผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าว ได้เปิดเผยที่สนามบินดับบลินกับสำนักข่าว RTE ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวตกหลุมอากาศกินเวลาราวเกือบ 20 วินาที ในขณะที่ลูกเรือ หรือ พนักงานต้อนรับของสายการบินกำลังให้บริการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มกับผู้โดยสาร
เหตุการณ์ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ของธุรกิจสายการบินที่ประสบกับอุบัติเหตุตกหลุมอากาศภายในเวลาเพียง 5 วันผ่านมา เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤษภาคมผ่านมา โดยทั่วโลกต้องตกตะลึงกับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ 321 ด้วยเครื่องบินยี่ห้อโบอิ้ง รุ่น 777-300 ER ซึ่งบินออกจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มายังปลายทางที่สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ พร้อมผู้โดยสาร 211 รายและลูกเรือ 18 ราย ประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงในขณะที่เที่ยวบินดังกล่าวบินอยู่เหนือน่านฟ้าประเทศเมียนมา ตรงบริเวณแม่น้ำอิระวดี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษสูงอายุวัย 73 ปี มีผู้บาดเจ็บ 104 ราย กัปตันสามารถนำเครื่องบินดังกล่าวลงจอดอย่างปลอดภัยฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย อุบัติเหตุตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ในครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 24 ปีของสายการบินดังกล่าว โดยเมื่อ วันที่ 31 ตุลาคม ปี 2000