สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หวั่นนโยบาย บี 5 กระทบราคาปาล์มน้ำมัน ขาขึ้น คาดปี 2568 ผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้น

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ปี 2568 (ข้อมูลพยากรณ์ ณ พฤศจิกายน 2567) คาดว่า เนื้อที่ให้ผล 6.439 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ที่มีจำนวน 6.343 ล้านไร่ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.52) ผลผลิต 18.901 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากจาก 18.606 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.58) ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 2,935 กก./ไร่ เพิ่มขึ้นจาก 2,933 กก./ไร่ (ร้อยละ 0.007) เนื้อที่ให้ผลภาพรวมประเทศ ปี 2568 คาดว่าเพิ่มขึ้น

โดยเพิ่มขึ้นมากในแหล่งผลิตในภาคใต้ เนื่องจากปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกเมื่อปี 2565 เริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้ ซึ่งการขยายเนื้อที่ปลูกปาล์มน้ำมันเมื่อปี 2565 มีสาเหตุมาจากราคาปาล์มน้ำมันตั้งแต่ปี 2565 อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าปี 2564 เกษตรกรจึงปลูกปาล์มน้ำมันแทนพื้นที่ปลูกยางพารา สำหรับผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล คาดว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าปริมาณน้ำฝนจะมากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 จนถึงช่วงต้นปี 2568

ส่งผลให้ปาล์มน้ำมันได้รับปริมาณน้ำฝนเพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์มน้ำมัน น้ำหนักทะลายของปาล์มน้ำมันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในปี 2568 จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปี 2567 จนถึงพฤษภาคม 2567 ต้นปาล์มน้ำมันบางส่วนได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน ทำให้ทะลายไม่สมบูรณ์หรือมีบางส่วนแห้งฝ่อ อย่างไรก็ตาม ผลผลิตรวมปี 2568 เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของเนื้อที่ให้ผล

ด้านราคาผลปาล์มน้ำมันทั้งทะลายคละที่เกษตรกรขายได้ ปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.67 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจาก ปี 2566 ร้อยละ 7.04 เนื่องจาก ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการใช้น้ำมันปาล์มในตลาดโลก การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ปี 2567 (ม.ค. – พ.ย.) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ ปี 2566 ทั้งปริมาณ และมูลค่า โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.95 และมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.95 ขณะที่ราคาผลปาล์มน้ำมันทั้งทะลายคละที่เกษตรกรขายได้ ณ มกราคม 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 8.28 บาทต่อกิโลกรัม ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2568 เป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และจะเริ่มออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนเมษายน 2568 ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในปี 2568 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยร้อยละ 3.47 ในแง่ปริมาณ แต่คาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.78 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มในประเทศราคาปรับตัวสูงขึ้น อาจจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ำมันปาล์มที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีนและอินเดีย

อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนในตลาดโลกองค์กรเศรษฐกิจระดับโลก เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะเติบโตร้อยละ 2.7 – 3.2 และอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดลง ส่งผลต่อการบริโภคที่ขยายตัว โดยเฉพาะในจีนที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอินเดียที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งสองประเทศนี้เป็นผู้บริโภคน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันปาล์มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ความผันผวนของสภาพอากาศโลกยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์มในหลายประเทศ ส่งผลให้ประเทศผู้ผลิตอย่างไทยมีโอกาสขยายตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ

ด้านแนวทางบริหารจัดการ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการ บริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนเกษตรกร ร่วมเป็นอนุกรรมการ ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ด้านการผลิต การตลาด ราคา อย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการให้ปริมาณน้ำมันปาล์มภายในประเทศเกิดความสมดุล รวมถึงกำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการเฝ้าระวังและมีแนวทางในช่วงเดือนที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย

อีกทั้งกระทรวงพลังงานได้มีการปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล จากบี 7 เป็น บี5 เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศด้านพลังงานทดแทนด้วย อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ยังเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนคำนึงถึงเรื่องการทำปาล์มคุณภาพ เพื่อไม่ให้อัตราสกัดน้ำมันลดลง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกรและต้นทุนในการผลิตของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มได้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles