อารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับการส่งออกข้าวของประเทศไทย เนื่องจากมีความต้องการสั่งซื้อข้าวของประเทศไทยจากประเทศผู้นำเข้าขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่อยู่ในเอเชีย เนื่องจากหลายประเทศต้องการที่จะเตรียมสต็อกข้าวไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับในช่วงเทศกาลสำคัญในขณะนี้ซึ่งเป็นช่วงสิ้นปี รวมถึงเทศกาลตรุษจีนในปี 2025 ที่มาเร็วขึ้นอยู่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม นอกจากนี้ นับจากกรกฎาคม 2023 มาจนกระทั่งมาถึงต้นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ประเทศอินเดียใช้มาตรการควบคุม และจำกัดการส่งออกข้าวออกสู่ตลาดโลกด้วย ส่งผลให้ประเทศอื่นต้องหันมานำเข้าข้าวจากประเทศไทย
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีปริมาณข้าวเป็นจำนวนมากไว้รองรับความต้องการดังกล่าว สำหรับตัวเลขการส่งออกข้าวทั้งหมดในช่วง 11 เดือนแรกหรือนับตั้งแต่มกราคมถึงพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้เป็นจำนวนกว่า 9 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีนี้ที่ 8 ล้านตัน
ด้านบรรดาผู้ส่งออกข้าวในประเทศไทยประเมินว่า ปริมาณการส่งออกข้าวในเดือนธันวาคมของปีนี้จะมีระหว่าง 500,000 ตันถึง 800,000 ตัน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ปริมาณการส่งออกข้าวไทยในปี 2024 จะสูงถึง 10 ล้านตัน นั่นหมายถึงประเทศไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้สูงสุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยส่งออกข้าวได้ 11.3 ล้านตัน สำหรับประเทศผู้นำเข้าข้าวจากประเทศไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับหนึ่งได้แก่ประเทศอินโดนีเซียสั่งสั่งซื้อข้าวจากประเทศไทยเป็นปริมาณมากถึง 1.12 ล้านตัน อันดับ 2 ประเทศอิรักซึ่งสั่งซื้อข้าวเป็นจำนวน 950,000 ตัน อันดับ 3 ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าคร่าวๆมากที่สุดในโลกสั่งซื้อข้าวจากเมืองไทย 490,000 ตัน ซึ่งเพิ่มสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 410,000 ตัน
ทั้งนี้ นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวในปี 2025 จะเผชิญความท้าทายมากขึ้น หลังจากประเทศอินเดียได้มีการยกเลิกมาตรการการควบคุม หรือการจำกัดการส่งออกข้าวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผลผลิตข้าวของประเทศอินเดียในฤดูกาลปี 2024 / 2025 จะมีเพิ่มสูงขึ้นรวมกันเป็น 145 ล้านตัน สาเหตุจากฤดูฝนที่มีต่อเนื่องในประเทศอินเดีย