นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยอมรับว่าตอนนี้ยังกังวลในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อมากที่สุด เพราะสถาบันทางการเงิน ยังคงมีความเข้มงวดในเรื่องของหนี้เสีย โดยหนี้เสียสะสมกลุ่มยานยนต์ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ถือว่าโตกว่าปีที่ผ่านมา 29.7% ที่มียอดสะสมที่ 1.9 แสนล้านบาท แม้ว่ายอดการเป็นหนี้ลดลง เพราะมาจากการปล่อนสินเชื่อที่ลดลง
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท. กล่าวถึงเรื่องตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวรุนแรง โดยลดลงถึง 6.8% ผิดไปจากที่คาดการณ์เอาไว้ค่อนข้างมากนั้น กำลังติดตามดูเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตัวเลขหดตัวลงค่อนข้างมาก ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่ทำให้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงเกิดจากยอดซื้อรถกระบะลดลงไปมาก เพราะการซื้อรถกระบะถูกนับเป็นการลงทุน จึงทำให้ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนโดยรวมลดลงตามไปด้วย
ช่วงที่ผ่านมาราคารถมือสองตกลงไปมาก กระทบต่อสินเชื่อที่กลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น จึงวนกลับมาที่กำลังซื้อรถกระบะที่ลดลงตามไปด้วย ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลงจึงไม่ได้มากจากการลงทุนที่หายไปเป็นหลัก แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากยอดซื้อรถกระบะที่ดรอปลง เรากำลังดูว่าประเด็นที่เกิดขึ้นนี้เป็นปัจจัยชั่วคราวหรือไม่
ทั้งนี้ หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถจัดตั้งได้แล้งเสร็จโดยเร็ว เพื่อเร่งบริหารจัดการงบประมาณปี 2567-2568 ได้ทันในเดือนต.ค. 2567 นี้ เพื่อให้เกิดการลงทุนมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจ้่งงาน เพิ่มกำลังซื้อ มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น โดย ส.อ.ท. กลุ่มยานยนต์ยังคงจับตานโยบายที่รัฐบาลใหม่ โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแถลงภายหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำเร็จ