ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 42,740 จุด -324 จุด หรือ -0.75% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,815 จุด -44 จุด หรือ -0.76% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,315 จุด -187 จุด หรือ -1.01% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้น +1.2%, +1.1% และ +1.1% ตามลำดับ
ในเดือนกันยายน ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้น +2% ทำสถิติดีที่สุดในรอบ 11 ปี หรือตั้งแค่เดือนกันยายนปี 2011 เป็นต้นมา และยังปิดเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่จบไตรมาส 3 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้น +8.2%, +5.5% และ +2.6% ตามลำดับ
สาเหตุจากหุ้นบริษัทผลิตไมโครชิปชื่อดังอันดับ 1 ของโลก เอ็นวิเดีย กลับถูกเทขายอย่างหนาตา ฉุดราคาปิดลงกว่า 1% จากเมื่อวันจันทร์ที่มีราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่แตะที่ระดับ 138.07 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,695 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นเอ็นวีเดียพุ่งทะยาน 174% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนผ่านมา หุ้นดังกล่าวมีราคาปิดนิวไฮเดิมที่ 135.58 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,610 บาทต่อหุ้น ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีมีราคาคึกคักทั้งกลุ่ม นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มพลังงานถูกเทขายหนาตาจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วงต่อเนื่องมาถึง 3 วันติดกัน
นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองสหรัฐอเมริกาเนื่องจากเหลือเวลาอีกราว 5 สัปดาห์ที่จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 90% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%