ดัชนี SET หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,269.26 จุด ลดลง 18.18 จุด หรือ -1.41% มูลค่าซื้อขาย 32,021.39 ล้านบาท ปรับตัวลงเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยจุดต่ำสุด 1,263.62 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,282.06 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่
1.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,310.09 ล้านบาท ปิดที่ 309.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
2.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,551.38 ล้านบาท ปิดที่ 211.00 บาท ลดลง 7.00 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,395.70 ล้านบาท ปิดที่ 182.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง จากแรงขายหุ้นใหญ่กดดัน ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากแรงขาย Sell on fact หลังจากที่บริษัทจดทะเบียนทยอยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 ออกมากันมากแล้ว
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นบ้านเรายังปรับตัวลงเช่นเดียวกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นยุโรปที่วันนี้ลงตามตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ตอบรับความกังวลโอกาสปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะน้อยลง จากความไม่แน่นอนของการที่สหรัฐจะกลับมารายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้ แม้จะยุติการชัตดาวน์แล้วก็ตาม
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่าแกว่งไซด์เวย์ ติดตามการรายงานตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 3/68 ที่จะรายงานออกมาต้นสัปดาห์ โดยให้แนวต้าน 1,280 จุด แนวรับ 1,260 จุด
ด้านนายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.วีบูลล์ (ประเทศไทย) ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า นักลงทุนกังวลฟองสบู่จากเอไอและกังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย อาทิ หุ้นเดลต้าที่มีการเทขายอย่างหนัก
ปัจจุบันแนวโน้มในการปรับลดลง (ดาวน์ไซด์) มีอย่างจำกัดแล้ว โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ แต่หุ้นไทยถือว่ามีผลตอบแทนผ่านปันผลที่อยู่ระดับสูง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่มีปันผลสูงถึง 8% จึงมองว่าเป็นเรื่องยากที่ราคาจะลงไปอีกครึ่งหนึ่งจากปัจจุบัน และหากเทียบกับอัตราดอกเบี้ยแล้ว ถือว่ามีความน่าสนใจกว่าในการลงทุนระยะยาว