ดัชนี SET Index หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,317.14 จุด ปรับร่วงลง 7.62 จุด หรือ-0.58% มูลค่าซื้อขาย 37,796.66 ล้านบาท ดัชนีปรับตัวลง โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,317.14 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,324.57 จุด
สำหรับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์
1.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,558.77 ล้านบาท ปิดที่ 132.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,896.86 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,644.12 ล้านบาท ปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอ่อนตัว โดยตลาดรับรู้ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและดัชนีดอลลาร์สหรัฐจะรีบาวด์ในระยะต่อไป ส่งผลให้ตลาดมีแรงขายทำกำไรออกมา
ขณะที่ปัจจัยในประเทศการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารที่ออกมาภาพรวมทรงตัวถึงแย่กว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย นอกจากนี้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงถ่วงดัชนี จากรายงานข่าวที่ภาครัฐอาจตรึงค่าไฟต่อ
แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดดัชนีเคลื่อนไหวไซด์เวย์ดาวน์ นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากการเปิดเผยผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารเป็นการชี้นำว่าหุ้นกลุ่มอื่นอาจไม่ดีด้วย นอกจากนี้ปัจจัยต่างประเทศติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.โดยให้กรอบแนวรับ 1,310 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ (ผอ.) ฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน กล่าวว่า วันนี้ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงทั้งวันตามภูมิภาคจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงเพราะกังวลความตึงเครียดจีน–สหรัฐ รวมทั้งหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยก็ปรับตัวลดลงเพราะเม็ดเงินตั้งสำรองและหนี้เสีย (NPL) ของกลุ่มแบงก์ขยับตัวสูงขึ้น
ส่วนสัปดาห์หน้าจับตาดัชนีฯ หากเคลื่อนไหวหลุด 1,310 จุด ให้รอเข้าที่แนวรับ 1,280 จุด แทน