องค์การการค้าโลก (WTO) หรือดับเบิลยูทีโอ เปิดเผยว่าได้ปรับลดตัวเลขการขยายตัวการค้าระหว่างประเทศทั่วโลกจากเดิมที่คาดว่าในปี 2025 จะขยายตัวที่ระดับ 3% ลงมาเป็นชะลอตัวหรือติดลบ 0.2% ส่งผลให้เป็นสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศทั่วโลกที่ตกต่ำและเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด โควิด-19 หรือเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา สาเหตุจากสงครามภาษีตามนโยบายมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งนำไปสู่การตอบโต้มาตรการภาษีจากประเทศคู่ค้าระดับยักษ์ใหญ่และคู่ค้าทั่วโลกซึ่งจะส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศในวงกว้างมากขึ้นในอนาคต
ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก เปิดเผยว่ามีความกังวลอย่างมาก กับภาวะการค้าโลกที่จะหดตัวลงอย่างแรง หลังจากการตอบโต้ของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนด้วยการเก็บขึ้นภาษีนำเข้าซึ่งในปัจจุบันมีอัตราสูงเกินกว่า 100% ทั้งคู่ ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลช้ำจะสั่งชะลอการเก็บอัตราภาษีต่างตอบแทนเต็มเพดานของแต่ละประเทศเป็นเวลา 90 วันก็ตามถ้าหากกลับมาใช้อัตราภาษีดังกล่าวสูงเต็มเพดานตามที่เคยประกาศไว้หลังพ้นระยะเวลา 90 วันไปแล้วจะส่ง ให้ฝากปริมาณการค้าโลกหดตัวลง 0.6% และจะหดตัวลงมากขึ้นถึง 0.8% เมื่อประเทศคู่ค้าทั่วโลกที่ตกอยู่ภายใต้มาตรการภาษีต่างตอบแทนใช้การตอบโต้เพดานภาษีเพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อรวมภาวะการชะลอตัวของการค้าโลกทั้งสองตัวเลขนั่นหมายถึงจะทำให้การค้าระหว่างประเทศทั่วโลกติดลบถึง 1.5% ทำสถิติการค้าระหว่างประเทศทั่วโลกที่ดำดิ่งตกต่ำมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 หรือในรอบ 5 ปีผ่านมา
ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก เปิดเผยต่อไปว่า เมื่อใดก็ตามที่การค้าระหว่างประเทศทั่วโลกเกิดการชะลอตกต่ำอย่างรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลกระทบรุนแรงไปถึงตลาดการเงินโลก และจะกระทบไปถึงเศรษฐกิจในระดับใหญ่หรือมหภาคทั่วโลก สิ่งที่เป็นความกังวลมากที่สุดในขณะนี้คือเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจจีนจะแยกการพึ่งพาออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
องค์การการค้าโลกคาดการณ์ว่า ปริมาณสินค้าที่ค้าขายซึ่งกันและกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนจะดำดิ่งลึกมากถึง -81% ที่น่ากังวลคืออาจจะดำดิ่งเลวเลวร้ายถึง -91% ถึงแม้จะมีมาตรการยกเว้นการเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จำนวนทั้ง 4 รายการของสหรัฐเมื่อเร็วเร็วนี้
สำหรับกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนไม่สามารถทำการค้าพึ่งพาซึ่งกันและกันต่อไปได้ อาจส่งผลให้ อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีเศรษฐกิจโลกดำดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง -7% ในระยะยาว หากสถานการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้นแต่ยังคงเต็มไปด้วยปัจจัยและสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกาและคู่ค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่องจึงคาดการณ์ว่าภาวะการค้าระหว่างประเทศทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.5% ในปี 2026
ภาวะการสะดุดหยุดลงของการค้าระหว่างประเทศของทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งผลให้ การส่งออกสินค้าจากประเทศจีนขยายตัวในภูมิภาคอื่นๆที่ไม่นับรวมอเมริกาเหนือโดยจะเติบโตขึ้นระหว่าง 4% ถึง 9% ในขณะที่ประเทศอื่นๆทั่วโลกอาจเห็นโอกาสในการส่งออกในกลุ่มสินค้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทำการตอบโต้โดยการยุติการส่งออก ได้แก่ สิ่งทอ เสื้อผ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์