นายธิติวัฒน์ ธนาพรนิธินันท์ ผู้จัดการประเทศไทย IWG ซึ่งเป็นธุรกิจบริการพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบยืดหยุ่น หรือ Flexible Workspace ภายใต้แบรนด์ Regus Spaces และ HQ เปิดเผยว่าอาคารสำนักงานในประเทศไทยขณะนี้ ประกอบด้วย 2 ด้าน คือด้านซัพพลายหรือปริมาณยูนิตสำนักงาน และด้านความต้องการในตลาด ในมุมซัพพลายก่อนสถานการณ์โควิด ธุรกิจอาคารสำนักงานเป็นขาขึ้นของเจ้าของอาคาร มีอัตราผู้เช่า (Occupancy) กว่า 90% แต่หลังโควิด บริษัทและองค์กรต่างๆ มีการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้น ในขณะเดียวกันอาคารสำนักงานที่เกิดขึ้นใหม่กลับตอบโจทย์ชีวิตการทำงานดีขึ้น
อาคารสำนักงานเกรดเอ ตั้งแต่ปี 2566-2567 มีพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งตรงกันข้ามกับความต้องการเช่าสำนักงานช่วงหลังวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 โดยพบว่าบริษัทและองค์กรต่างลดขนาดและทำงานที่บ้านมากขึ้น มีการตัดลดงบประมาณการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ความต้องการจากกลุ่มบริษัทข้ามชาติเข้ามาในไทยเนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยในการตั้งเป็นสำนักงานใหญ่เทียบเท่ากับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลจากมาตรการสนับสนุนด้านภาษีให้กับชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน สามารถทำงานออนไลน์ได้
ผู้จัดการประเทศไทย IWG กล่าวว่า สภาพตลาดสำนักงานในไทยดังกล่าวทำให้แข่งขันสูง นำไปสู่การเกิดสงครามลดราคา บางแห่งยอมลดราคาค่าเช่าลง 25% สาเหตุจากอัตราผู้เช่าลดลงเหลือ 70% นั่นหมายถึงเจ้าของอาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และพร้อมที่จะเสนอเงื่อนไขพิเศษมากขึ้นเพื่อดึงผู้เช่า นอกจากนี้ ยังเกิดการกระจายความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ มีการจัดทำสัญญาเช่าเป็นระยะสั้นมากขึ้น ต่างจากในอดีตที่เป็นการระยะยาว ราย 3 ปี อีกทั้งมีพันธมิตรกับ Co-working Space ต่างๆ เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มผู้เช่าใหม่
ดังนั้น แนวโน้มของดีมานด์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือแพลตฟอร์มธุรกิจไอที บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตมากขึ้นจะต้องการพื้นที่สำนักงานมากขึ้น ซึ่งอาคารสำนักงานในประเทศไทยจะกลายเป็นเป้าหมายที่โดดเด่น สาเหตุจากความความได้เปรียบจุดที่ตั้งของประเทศ ต้นทุนการใช้ชีวิต ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์