สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 ปี หลังจากเมื่อปีที่แล้ว อินเดียประกาศห้ามส่งออกข้าวขาว และกำหนดอัตราภาษี 20% สำหรับการส่งออกข้าวนึ่ง
โดยมาตรการควบคุมการส่งออกของอินเดียเมื่อปีที่แล้วทำให้ซัพพลายเออร์ที่แข่งขันกัน เช่น เวียดนาม ไทย ปากีสถาน และเมียนมา สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และควบคุมราคาในตลาดโลกให้สูงขึ้นได้
เมื่อวันจันทร์ ข้าวนึ่งหัก 5% ของอินเดีย มีราคาขายอยู่ที่ 500-510 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 530-536 ดอลลาร์ ส่วนข้าวขาวหัก 5% ของอินเดีย มีราคาขายอยู่ที่ราว 490 ดอลลาร์
การส่งออกข้าวของอินเดียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของการส่งออกข้าวทั่วโลกในปี 2565 ด้วยปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ที่ 22.2 ล้านเมตริกตัน จากปริมาณการค้าโลกทั้งหมด 55.4 ล้านเมตริกตัน
ล่าสุดราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) หลังจากอินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกไฟเขียวให้กลับมาส่งออกข้าวขาวอีกครั้ง ส่งผลให้ปริมาณข้าวทั่วโลกเพิ่มขึ้น และช่วยให้ประเทศยากจนในเอเชียและแอฟริกาสามารถซื้อข้าวในราคาที่ถูกลง
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อินเดียอนุญาตให้กลับมาส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติได้อีกครั้ง หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านั้นเพิ่งประกาศลดภาษีการส่งออกข้าวนึ่ง (parboiled rice) เหลือ 10% โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลผลิตข้าวใหม่ที่กำลังจะเก็บเกี่ยว ประกอบกับสต็อกข้าวของรัฐบาลเพิ่มขึ้น
ฮิมานชู อัครวาล กรรมการบริหาร Satyam Balajee หนึ่งในบริษัทส่งออกข้าวรายใหญ่ของอินเดีย กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของอินเดียส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย เวียดนาม และปากีสถาน ปรับลดราคาข้าวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของตน