อินโนเวสท์ เอกซ์ มองหุ้นไทยมีสัญญาณฟื้นตัวช่วงสั้น แรงหนุนสหรัฐเลื่อนเก็บภาษีบางรายการเม็กซิโก-แคนาดา ลุ้นดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ดัชนีอาจแตะ 1,215 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ทรัมป์ รวมทั้งความกังวลสงครามการค้าแผ่ขยายออกไปหลังจีนขึ้นภาษีตอบโต้แคนาดา ส่วนประเด็นในประเทศวันนี้ติดตามการประชุม คกก. นโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1 คาดพิจารณาโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 ประเมิน หุ้นไทย มีแนวรับที่ 1,190 – 1,185 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,210 – 1,215 จุด

ช่วงสั้นมอง SET มีสัญญาณฟื้นตัวบ้าง โดยคาดว่าจะมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก เช่น สหรัฐฯ อาจเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าบางรายการจากเม็กซิโกและแคนาดา ขณะที่ยังมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนหลังการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน นอกจากนี้เงินเฟ้อจีนและสหรัฐฯ คาดยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวและราคาพลังงานที่ลดลง และน่าจะทำให้เฟดยังไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงิน ส่วนปัจจัยในประเทศยังติดตามเสถียรภาพทางการเมือง การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐ การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนใน เม.ย. และเงื่อนไขของการโอนย้ายเม็ดเงินกองทุน LTF เป็น ThaiESGX ซึ่งจะทำให้ตลาดมีแรงขายลดลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่
•จีนเผย CPI ก.พ. ลดลง 0.7%YoY ลดลงสูงกว่าตลาดคาด และ PPI ก.พ. ที่ลดลง 2.2%YoY สะท้อนภาวะเงินฝืดในจีนที่ยังคงมีอยู่ ส่วนสหรัฐฯ เผยการจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.51 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ และอัตราว่างงานปรับขึ้นสู่ 4.1%
•Nasdaq มีแผนที่จะทำให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 5 วันทำการ คาดจะสามารถเริ่มปฏิบัติได้ใน 2H69 หากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลและโครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อม
•วันนี้ติดตามประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดจะมีการพิจารณาดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 วงเงิน 1.75 แสนลบ., หยุดแรงขายกองทุนรวม LTF พร้อมเพิ่มลดหย่อน Thai ESG เป็น 6 แสนบาท, ผ่อนเกณฑ์ LTV ซื้อบ้านหลังที่ 2 และเล็งต่ออายุลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง
•ประธาน ตลท. เผยภายใน 3-6 เดือนนี้จะมีมาตรการที่ชัดเจนออกมาสำหรับฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน เช่น แก้กฎหมาย, ออมหุ้นระยะยาว (TISA), โครงการ Jump+, ซื้อหุ้นคืน, ลดเกณฑ์เข้าจดทะเบียน-สิทธิทางภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-Startup และเพิ่มสินค้า New Economyนายกฯ, รมว.คลัง, ก.ล.ต. และ ตลท. หารือร่วมกันเพื่อหามาตรการเพื่อดัน GDP เติบโต 3.5% คาดใน มี.ค. จะมีความชัดเจนของมาตรการ
•พาณิชย์เผยเงินเฟ้อไทย ก.พ. ขยายตัว 1.08%YoY จากราคาที่สูงขึ้นของอาหาร ดีเซล และไฟฟ้า และคาดเงินเฟ้อ มี.ค. จะใกล้เคียงกับ ก.พ. ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ยใน 2Q68 จะขยายตัวเพียง 0.5% จากฐานที่สูง
•รมว. คมนาคมเตรียมเสนอโครงการบ้านเพื่อคนไทยเข้าสู่ ครม. ขออนุมัติการก่อสร้างใน 4 พื้นที่และเสนอสานต่อเฟสที่ 2 เพื่อตอบรับความต้องการ ตั้งเป้าขยายต่อเนื่องและสร้างที่อยู่อาศัย 1 แสนยูนิต

ทั้งนี้มอง SET มีสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง หนุนจากความคาดหวังจากปัจจัยภายนอกและรัฐบาลไทยมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน เลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) กำไรปี 2568 คาดเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีความสามารถการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Int. Cov. Ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) ศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาด Div. Yield อย่างน้อย 2% และ 5) SETESG Rating ระดับ A-AAA แนะนำ CPALL BDMS MTC MINT BTG
2.หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) สถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี และ SETESG Rating ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield เกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ผลประกอบการปี 2568 ยังแข็งแกร่งและยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL PTT SPALI KBANK
3.หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโต YoY และ QoQ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
4.Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากงาน Opp. Day ซึ่งคาดจะมีโทนประชุมเป็นบวกในสัปดาห์นี้และเราดูแลอยู่อย่าง AU TIDLOR BTG PTG

หุ้นน่าสนใจ ได้แก่ BTG: มองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากโมเมนตัมกำไรที่เป็นขาขึ้น ราคาสุกรไทย 1Q68TD เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (+18% YoY, +8% QoQ) ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานที่ตึงตัวขึ้นจากมาตรการควบคุมการผลิตสุกรของรัฐบาลก่อนหน้านี้ และการแพร่ระบาดของโรค ASF ในช่วงปลาย 3Q67 ถึงต้น 4Q67 ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง

ADVANC: มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง โดย 1Q68 คาดกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง YoY (จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักท่องเที่ยว) และ QoQ (จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง) หนุนให้ปี 2568 คาดมีกำไร 38.5 พันลบ. เติบโต 10.5%YoY อีกทั้งมองมีโอกาสเพิ่มกำไรจากการประมูลใบอนุญาตที่กำลังจะมาถึง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles