เคพีเอ็มจี (KPMG) หนึ่งในบริษัทในธุรกิจบริการที่ปรึกษาการลงทุนชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยรายงานผลการสำรวจมีชื่อว่า มุมมองชาวอเมริกัน หรือ American Perspective Survey 2024 ซึ่งครอบคลุมหลากหลายมิติที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงิน รายได้ พลังงานหมุนเวียน การบริโภค เทคโนโลยีเอไอ และยานยนต์
โดยเฉพาะในประเด็นยานยนต์ ซึ่งตั้งคำถามว่าบนสมมุติฐานว่าต้นทุน และสเป็คยานยนต์ที่เท่ากัน ยานยนต์ประเภทเครื่องยนต์ใดที่จะซื้อ? ผลสำรวจ พบว่า อันดับ 1 มี 38% ซื้อรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมัน อันดับ 2 มี 34% ซื้อรถยนต์ไฮบริด อันดับ 3 มี 21% ซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี และมีเพียง 5% ยังไม่แน่ใจ นอกจากนี้ ยังพบว่าในภูมิภาคตะวันตกตอนกลางมีถึง 40% ซื้อรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมัน และในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีถึง 37% ซื้อรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมัน
สำหรับรถอีวีนั้น ผลสำรวจพบว่า 60% ชาวอเมริกันต้องการระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้ารถอีวี 20 นาที หรือต่ำกว่านั้นสำหรับการใช้ไฟฟ้าถึงระดับ 80% ของความจุ รองลงมามี 28% ต้องการระยะเวลาการชาร์จ 10 นาที และสุดท้ายมี 26% ต้องการระยะเวลาการชาร์จ 30 นาที ในขณะที่ ปัจจุบัน มี 80% ของการชาร์จไฟฟ้าแบบรวดเร็ว หรือฟาสท์ชาร์จที่กินเวลาตั้งแต่ 20-60 นาทีในสหรัฐอเมริกา
ผลสำรวจ เปิดเผยต่อไปว่า มีชาวอเมริกันน้อยมากที่สนใจจะจ่ายเงินเพื่อติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือช่วยขับเคลื่อนรถ และระบบความบันเทิงภายในรถ เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งสำคัญ ได้แก่ ความปลอดภัย ระบบไวไฟ และระบบระบุตำแหน่งสถานีชาร์จไฟฟ้า
ด้านดีลอยท์ ประเทศไทย เปิดเผย รายงานผลสำรวจ 2024 Global Automotive Consumer Study พบว่าความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวีของคนไทยในปี 2024 นี้ อยู่ที่ 20% ซึ่งลดลงจากปี 2023 ที่เคยอยู่สูงถึง 31% หรือตกต่ำลงมากถึง 11% ชั่วข้ามปี
สาเหตุจาก บริษัทรถยนต์มีการเข้ามาแข่งขันในตลาดรถยนต์ของไทยเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะทำให้มีคนสนใจในรถอีวีกันมากขึ้น แต่ผู้บริโภคคนไทยกลับมองปัญหาค่าเสื่อมรถอีวีเป็นหลักสำคัญ นอกจากนี้ ผู้บริโภครถยนต์ที่อาศัยตามคอนโดมิเนียม จะให้ความสนใจในรถประเภทไฮบริด หรือ HEV มากกว่า เนื่องจาก ความไม่สะดวกในการชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าของรถอีวี
ท่ามกลางคนไทยส่วนใหญ่จะให้น้ำหนักไปที่การตัดสินใจซื้อรถอีวีในแง่ความประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับราคาน้ำมัน การลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และการลดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากความนิยมของรถประเภทต่างๆ ในตลาดรถมือสองในไทย จะพบว่า รถอีวีมีเพียงแค่ 9% เท่านั้น สาเหตุจากคนไทยมีความกังวลปัญหาค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายดูแล บำรุงรักษา และซ่อมแซมที่สูงกว่า เช่น ค่าแบตเตอรี่ เป็นต้น จึงส่งผลให้คนไทยมีความพร้อมที่จะซื้อรถมือสองในรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมัน ที่มีสัดส่วนมากถึง 54% และรถยนต์ประเภทเครื่องไฮบริด หรือ HEV/PHEV ซึ่งมีสัดส่วนราว 38%