รัฐทหารเมียนมาประกาศนโยบายและมาตรการเก็บเงินภาษีชุดใหม่กับแรงงานเมียนมาที่ทำงานในต่างประเทศ เพื่อเป้าหมายได้รับรายได้เงินภาษีในสกุลเงินต่างประเทศกลับเข้าสะสมในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของเมียนมา หลังจากปริมาณเงินตราสกุลต่างประเทศของเมียนมาลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติที่มีต่อการทำปฏิวัติของรัฐบาลทหารเมียนมานับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2021 เป็นต้นมา
เมื่อกลางเดือนธันวาคม ปี 2023 ผ่านมา สถานทูตเมียนมาในทุกประเทศทั่วโลกประกาศกฎหมายจัดเก็บเงินภาษีจากรายได้ชาวเมียนมาที่ทำงานในต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น แรงงานชาวเมียนมาที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย จะต้องถูกเก็บภาษี 2% ของฐานรายได้ของแต่ละคนที่แตกต่างกันที่ได้จากการทำงานในแต่ละประเทศ หากแรงงานขาวเมียนมาในต่างประเทศคนใดไม่จ่ายเงินภาษีตามกฎหมายใหม่ซึ่งมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2023 จะมีผลต่อการต่ออายุหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต
สำนักข่าวอิระวดีแห่งประเทศเมียนมา เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของแรงงานเมียนมา ซึ่งมีจำนวนแรงงานเมียนมามากที่สุดในอันดับต้นๆของกลุ่มอาเซียน แรงงานชาวเมียนมาขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแรงงานที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนนั้น ทำให้แรงงานเมียนมาเหล่านี้ถูกเก็บภาษีจากเงินรายได้ที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเมื่อส่งเงินรายได้กลับไปยังครอบครัวในประเทศเมียนมา ส่งผลให้รัฐบาลทหารเมียนมามีเงินรายได้ภาษีจากกฎหมายภาษีใหม่นี้สูงถึงเดือนละกว่า 300 ล้านบาท นั่นหมายถึงรัฐบาลทหารเมียนมามีรายได้จากเงินภาษีส่วนนี้ถึงปีละกว่า 3,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บรรดาเจ้าของกิจการ หรือภาคเอกชนต่างประเทศแสดงความกังวลว่า มาตรการภาษีใหม่ที่ใช้เก็บจากเงินรายได้ของแรงงานชาวเมียนมาเป็นการผ่องถ่ายเงินตราต่างประเทศทางอ้อมไปให้รัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งไม่แตกต่างจากการสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาทางอ้อม เนื่องจากนานาชาติจำนวนมากใช้มาตรการคว่ำบาตรทั้งตัวบุคคลทั้งหมดในคณะรัฐบาลทหารเมียนมา และคว่ำบาตรทรัพย์สินรวมถึงบัญชีการเงินของรัฐบาลทหารเมียนมาด้วย