นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้ เปิดที่ระดับ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 33.82 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.80 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.60-33.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ท่ามกลางความหวังว่า ผู้นำจีนกับสหรัฐฯ จะมีการเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้า หลังสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากจีน ส่วนทางการจีนล่าสุดก็ได้ประกาศมาตรการตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าวเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส และนอกเหนือจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด ทั้งยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงาน (Factory Orders) ที่หดตัว -0.9%m/m ส่วนยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ก็อยู่ที่ระดับ 7.6 ล้านตำแหน่ง ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าและแย่กว่าคาดพอสมควร ซึ่งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ก็มีส่วนหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์และช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมาเช่นกัน
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาทมองว่ายังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways หากประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน เหนือโซนแนวต้าน 34.10 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา เงินบาทได้รับอานิสงส์จากการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาทองคำพอสมควร ซึ่งปัจจุบัน หากประเมินในเชิงเทคนิคัล ราคาทองคำก็เสี่ยงที่จะมีจังหวะย่อตัวลงมาบ้าง โดยการปรับตัวลงของราคาทองคำก็อาจถูกเร่งได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ในช่วงนี้ ทั้ง ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ รวมถึงข้อมูลการจ้างงาน ออกมาดีกว่าคาด