ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าเช้าวันอังคาร 14 ต.ค. 2568 เงินบาทแข็งค่ามาเคลื่อนไหว ที่ระดับประมาณ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยในสัปดาห์นี้ (13-17 ต.ค. 2568 ) ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ปัจจัยจากฝั่งสหรัฐฯ ที่น่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากชัตดาวน์ ได้แก่ รายงาน Beige Book ของเฟด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน (เช่น การส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต) ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของยูโรโซน
สำหรับ เงินบาททยอยอ่อนค่าผ่านระดับสำคัญทางจิตวิทยาหลายแนวในสัปดาห์นี้ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการคาดการณ์ของตลาดต่อโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของกนง. ในการประชุมช่วงกลางสัปดาห์ (8 ต.ค.) หลังตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนก.ย. ออกมาต่ำกว่าที่คาด
อย่างไรก็ดี เงินบาทปรับแข็งค่าไปที่แนว 32.40 ช่วงสั้นๆ หลังกนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 1.50% ก่อนจะอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากตลาดประเมินว่า แม้กนง. จะคงดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง ทำให้ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมอีกในระยะข้างหน้า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน (ตั้งแต่ 4 ส.ค.) ที่ 32.82 สอดคล้องกับแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนจากทิศทางที่อ่อนค่าของเงินเยนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และแรงกดดันของเงินยูโรจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวของตลาดการเงินในประเทศ
เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 6-10 ต.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,518.6 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 1,121 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 345 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 776 ล้านบาท)