ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่า เงินบาท อ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ขณะที่ตลาดในประเทศรอติดตามประเด็นทางการเมืองภายในประเทศนอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
โดยเงินบาททยอยแข็งค่ากลับมาช่วงกลาง–ปลายสัปดาห์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลงหลังตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด โดยเงินบาทมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมในช่วงท้ายสัปดาห์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค. ของไทยที่ขยายตัว 7.2% YoY สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.0% YoY และสูงกว่า 6.8% YoY ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิ.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (14 มิ.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 17-21 มิ.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 10,680.29 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 8,609 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 3,499 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 5,110 ล้านบาท)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (24-28 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.30-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนพ.ค. ของธปท. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนพ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. จีดีพีไตรมาส 1/2567 รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ของจีนเช่นกัน