ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาท อ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียและการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก แต่ฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน หลังการประชุม กนง. ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% ตามเดิม
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง สวนทางกับเงินดอลลาร์ฯ ที่ปรับตัวแข็งค่าและบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น หลังการประชุมเฟดซึ่งแม้จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่กรอบ 4.25-4.50% แต่ก็ส่งสัญญาณในเชิง Hawkish ผ่าน Dot plot และประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปีหน้า ซึ่งสะท้อนว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอจังหวะการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2568 นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน เงินบาทแข็งค่ากลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงก่อนการประกาศตัวเลขดัชนีราคา PCE/Core PCE ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามความเสี่ยงจากภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 34.47 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (13 ธ.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 16-20 ธ.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,231.8 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 8,263.5 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 14,627.2 ล้านบาท หักด้วยตราสารหนี้หมดอายุ 6,363.7 ล้านบาท)
ส่วนในสัปดาห์นี้ (23-27 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.20-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือนพ.ย. สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของอังกฤษและข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของจีน อนึ่ง ตลาดการเงินต่างประเทศจะปิดทำการในวันพุธ 25 ธ.ค. เนื่องในวันหยุดคริสต์มาส