นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.72 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่ระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.95 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) ได้ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 33.65-33.85 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทเผชิญแรงกดดันบ้าง ตามการทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะให้โอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้ ราว 86% ทว่าในปี 2568 ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 3 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่เฟดได้เคยระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน และเฟดอาจจบรอบการลดดอกเบี้ยในปี 2568 ได้
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดังกล่าว ยังได้ กดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงทะลุโซน 151.50 เยนต่อดอลลาร์ ตามส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นที่กว้างมากขึ้น และเป็นอีกปัจจัยที่หนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้าน 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนี้ เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทหลังจากทะลุโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ อาจได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการทยอยปิดสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 33.60-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน ในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย