นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้ เปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ก่อนที่จะแกว่งตัว Sideways ใกล้โซน 34.30 บาทต่อดอลลาร์ (กรอบการเคลื่อนไหว 34.19-34.31 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็เลือกจะทยอยขายทำกำไรสถานะ Long ทองคำที่ได้กำไรมาพอสมควรในปีนี้ นอกเหนือจากแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย Conference Board (Consumer Confidence) เดือนธันวาคม กลับลดลงสู่ระดับ 104.7 จุด แย่กว่าที่ตลาดคาด (112.9 จุด) ไว้พอสมควร
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาทมองว่า เงินบาทก็อาจแกว่งตัว Sideways แถวโซน 34.30 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราคาดว่า เงินบาทจะมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน (เลือกทิศทาง) มากขึ้น หลังการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม ทำให้เมื่อประเมินจากสถิติในอดีตที่ผ่านมานั้น เงินบาทยังมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways ก่อนจะถึงวันดังกล่าว โดยปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่อาจจะรับรู้ก่อนถึงวันเริ่มงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาล Trump 2.0