เงินเฟ้อไทยติดลบซ้ำซ้อน พ.ย. ยังติดลบอีก 0.49% รวมติดลบ 8 เดือนติดกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี คาดเงินเฟ้อติดลบทั้งปี -0.15% ถึง -0.20%

เงินเฟ้อ ไทยติดลบซ้ำซ้อน พ.ย. ยังติดลบอีก 0.49% รวมติดลบ 8 เดือนติดกัน เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี คาดเงินเฟ้อติดลบทั้งปี -0.15% ถึง -0.20%

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนพ.ย. 68 เท่ากับ 100.15 ลดลง 0.49% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา (จากที่ตลาดคาด -0.6% ถึง -0.7%) โดยเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ส่งผลให้เงินเฟ้อในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 68) ลดลง 0.12%

ทั้งนี้ เงินเฟ้อเดือนพ.ย. 68 เป็นการลดลงในอัตราที่ชะลอตัว (ต.ค. 68 ลดลง 0.76%) โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงลดลง มาจากราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าครัวเรือน และน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดลงตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก และมาตรการลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ขณะที่สินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากลดลงต่อเนื่องมา 3 เดือน จากการสูงขึ้นของราคาผักสด อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนพ.ย. 68 อยู่ที่ 101.64 หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.66% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทำให้เฉลี่ย 11 เดือนปีนี้ (ม.ค.-พ.ย. 68) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.86%

สำหรับราคาสินค้าและบริการในเดือนพ.ย. 68 เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. ที่ผ่านมา พบว่า สินค้าและบริการ ที่ราคาเพิ่มขึ้นมี 223 รายการ อาทิ ปลาทู ผักชี ผักบุ้ง กะทิสำเร็จรูป กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง ค่าเช่าบ้าน ค่าบริการขนขยะ และค่าแต่งผมชาย เป็นต้น ส่วนสินค้าและบริการที่ราคาลดลงมี 191 รายการ อาทิ ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร ไข่ไก่ ต้นหอม กระเทียม ขิง มะม่วง น้ำดื่มบริสุทธิ์ อาหารเดลิเวอรี่ ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย รถยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ขณะที่สินค้าและบริการที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลงมี 50 รายการ

ดังนั้น ประเมินเงินเฟ้อทั้งปี 68 ที่ -0.15% ถึง -0.20% ติดลบในรอบ 4 ปี นายนันทพงษ์ ประเมินว่าเงินเฟ้อทั้งปี 68 จะอยู่ที่ -0.15% ถึง -0.20% โดยเป็นการติดลบในรอบ 4 ปี (ตั้งแต่ปี 63 ที่ -0.85%) ปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และมาตรการภาครัฐช่วยค่าครองชีพ ดังนั้น คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 68 จะอยู่ที่ -0.48% ถึง -1.08%

“ที่ผ่านมาเคยมีปีที่เงินเฟ้อติดลบมากกว่าปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ในปี 63 ในช่วงโควิด เคยติดลบ 10 เดือนต่อกันที่ -0.85% และในปี 58 เคยติดลบ 12 เดือนติดต่อกันที่ -0.90% จากปัจจัยราคาน้ำมันโลกที่ลดลงอย่างมาก ส่วนปัจจัยที่กดให้เงินเฟ้อลดลง คือปัจจัยภายนอก จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงอย่างมาก ประกอบกับปัจจัยของภาครัฐที่ช่วยเรื่องค่าครองชีพ โดยเฉพาะเรื่องค่ากระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกอยู่ จากอุปสงค์ในเรื่องของสินค้าพื้นฐานที่ตัดปัจจัยภายนอกออก” นายนันทพงษ์ กล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles