สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยเดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 100.00 ลดลง 0.76% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (ตุลาคม 2567) ซึ่งอยู่ที่ 100.77 ถือเป็นการชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 หลังจากราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าลดลงตามมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพของภาครัฐ โดยเงินเฟ้อไทยเคยติดลบกันต่อเนื่อง 12 เดือนในช่วงปี 2563-2564
โดย นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการ สนค. เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในแดนลบ มาจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และมาตรการของรัฐบาลภายใต้โครงการ “Quick Big Win” ซึ่งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้งน้ำมันและไฟฟ้า ส่งผลให้ต้นทุนการดำรงชีพโดยรวมลดลง ขณะเดียวกันราคาสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ เช่น เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด ผลไม้สด รวมถึงของใช้ส่วนบุคคล ก็ปรับลดลงตามปริมาณผลผลิตและกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ
โดยในภาพรวม หมวดอื่นที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.10% จากการปรับราคาลงของกลุ่มพลังงาน เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ขณะที่ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.17% ตามราคาผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และไข่ไก่ที่ปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม มีบางรายการที่ราคาขยับสูงขึ้น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าท่องเที่ยวต่างประเทศ และบริการแต่งผม ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวบางส่วนของภาคบริการและการท่องเที่ยว เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนตุลาคมขยายตัว 0.61% จากปีก่อนหน้า ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายนที่ 0.65% สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกันยายน 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.72% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 6 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศที่ประกาศตัวเลข บรูไน สิงคโปร์ ติมอร์-เลสเต มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม และสปป.ลาว
ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.61% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2568 ที่สูงขึ้น 0.65%
สำหรับแนวโน้มช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2568 สนค. คาดว่าเงินเฟ้ออาจยังลดลงต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ทรงตัวในระดับต่ำ และมาตรการภาครัฐที่ยังคงช่วยลดค่าครองชีพ ทั้งการปรับลดค่าไฟฟ้า (Ft) เหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย และโครงการส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งช่วยลดราคาที่พักและบริการบางประเภท อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายปลายปีและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่งพลัส” อาจเป็นแรงหนุนสำคัญให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่แดนบวกได้ในช่วงปลายปี โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2568 ที่ระดับ 0% จากเดิมที่ประเมินไว้ 0.5%