นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการที่เกษตรกรร้องเรียนปัญหาราคาข้าวที่มีการปรับตัวลดลง หลังอินเดียหันมาส่งออกข้าวขาวอีกครั้ง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 2568 จะมีประมาณ 6.53 ล้านตัน จึงได้มอบหมายให้นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขาย จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเป็นพื้นที่ที่ข้าวเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว ในขณะที่ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะเริ่มออกสู่ตลาดมากในเดือนมี.ค. – เดือนเม.ย. 2568
และจากการตรวจสอบโรงสี 2 แห่ง ได้แก่ โรงสี ช.สิริยี่สิบไพบูลย์และ โรงสีวัจณสุรัตน จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าข้าวเปลือกในพื้นที่ออกสู่ตลาดมาแล้วกว่า 70% เกษตรกรนำข้าวมาขายได้ 7,400 – 7,800 บาทต่่อตัน (ข้าวแห้ง 8,700 – 9,100 บาทต่อตัน) ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยปี 2567 ที่ราคา 11,000 บาทต่อตัน แต่อย่างไรก็ตามราคาขายข้าวที่เกษตรกรขายได้ในขณะนี้ ยังถือว่าใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่เฉลี่ย 8,200 บาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาก่อนที่อินเดียงดส่งออก
สถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง กว่า 90 % เป็นข้าวเปลือกเจ้า ที่ต้องพึ่งพาตลาดส่งออก ซึ่งขณะนี้ ได้รับผลกระทบจากประเทศคู่แข่งเช่น อินเดีย หันกลับมาส่งออกข้าวเนื่องจากมีสต็อกข้าวเพียงพอสำหรับบริโภคภายในประเทศ จึงส่งผลให้ราคาข้าวขาว มีราคาตลาดปรับตัวลงมาใกล้เคียงกับราคา ก่อนอินเดียมีนโยบายงดการส่งออก
ส่วนข้าวภายในประเทศขณะนี้เป็นช่วงต้นฤดูกาล ข้าวเปลือกเจ้า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะออกสู่ตลาดมาก ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ที่จะถึงนี้จะมีข้าวส่วนใหญ่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกสู่ตลาด กรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์ราคาและการซื้อขายข้าวอย่างใกล้ชิดพร้อมจัดกิจกรรมการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568 เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เกิดการแข่งขัน ช่วยยกระดับราคาข้าวให้พี่น้องชาวนาในพื้นที่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาตามคุณภาพ
ทั้งนี้หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขาย หรือพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใดมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากตรวจพบผู้ประกอบการรายใดจงใจที่จะทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคา จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
